SCBเชื่อสอ.โตจากสหรัฐ-ญี่ปุ่นกระตุ้นศก.
ไทยพาณิชย์ ระบุ ส่งออกเมษายนขยายตัว 10.5% ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ จับตาแรงกดดันเศรษฐกิจยุโรปและจีนยังไม่ฟื้นอาจกระทบระยะต่อไป
ไทยพาณิชย์ ระบุ ส่งออกเมษายนขยายตัว 10.5% ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ จับตาแรงกดดันเศรษฐกิจยุโรปและจีนยังไม่ฟื้นอาจกระทบระยะต่อไป
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินสถานการณ์ที่กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าการส่งออกของไทยเดือนเมษายนอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 10.5%YOY (เทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า) ขณะที่มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 8.9%YOY ดุลการค้าขาดดุล 2,850 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกของไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง อัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกในเดือนเมษายนที่ระดับ 10.5%YOY นั้นถือว่าเป็นการขยายตัวที่ค่อนข้างสูงและเป็นการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องหลังจากที่เดือนมีนาคมขยายตัวได้ 4.6%YOY โดยการส่งออกไปยังตลาดหลักยกเว้นจีน ซึ่งได้แก่ อาเซียน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ยุโรป ล้วนขยายตัวทั้งหมด โดยเฉพาะการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่ขยายตัวถึง 8.3%YOY นอกจากนี้มูลค่าการส่งออกไปยังฮ่องกงที่ขยายตัวถึง 177% YOY หรือราว 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงที่สุดตั้งแต่มีการเก็บสถิติมานั้นช่วยสนับสนุนให้การส่งออกโดยรวมของไทยในเดือนเมษายนสามารถขยายตัวได้ในระดับ 2 หลัก
การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวได้ในระดับสูง แต่การส่งออกสินค้าเกษตรกลับหดตัวและมีมูลค่าค่อนข้างต่ำ การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวค่อนข้างมากที่ 45.2%YOY โดยเฉพาะการส่งออกส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ที่ขยายตัวสูงถึง 470%YOY หรือราว 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้มูลค่าการส่งออกส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ในเดือนเมษายนนั้นเป็นการส่งออกไปยังฮ่องกงถึงราว 80% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับปกติที่ประมาณ 15% ซึ่งนอกจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์แล้วสินค้าอุตสาหกรรมหลักอื่นๆ เช่น รถยนต์และส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ ล้วนขยายตัวได้ดีเช่นกันที่ 21.5%YOY และ 17.3%YOY ตามลำดับ ซึ่งทำให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวได้ถึง 16.4%YOY อย่างไรก็ดี ในส่วนของการส่งออกสินค้าเกษตรกลับหดตัวถึง 8.1%YOY ที่มูลค่าค่อนข้างต่ำราว 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยสินค้าหลักอย่างข้าว และยางพาราล้วนหดตัวที่ระดับ 8%YOY
การนำเข้ายังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง มูลค่าการนำเข้าของไทยยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการนำเข้าทองคำที่ขยายตัวถึง 42%YOY นอกจากนี้สินค้าหลักอย่างน้ำมันดิบที่มีสัดส่วนต่อการนำเข้าทั้งหมดประมาณ 14% ขยายตัวได้ดีที่ระดับ 7%YOY อย่างไรก็ดีการนำเข้าในส่วนของรถยนต์และส่วนประกอบที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปีที่ผ่านมาเริ่มชะลอตัวลง ขาดดุลการค้า 2,850 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่หากไม่รวมทองคำจะขาดดุลราว 1,840 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้มุมมองว่า ต้องจับตาดูความต่อเนื่องของการฟื้นตัว การส่งออกของไทยเริ่มกลับมาขยายตัวได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่มูลค่าการส่งออกลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2012 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2013 ซึ่งการขยายตัวน่าจะมาจากผลของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯ และญี่ปุ่นที่ทำให้ความต้องการสินค้าโลกเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ นโยบายของทั้ง 2 ประเทศที่ยังคงใช้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อยจนถึงช่วงปลายปี 2013 นั้น น่าจะทำให้ภาวะการส่งออกของไทยปรับตัวได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ดีความล่าช้าในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปและเศรษฐกิจจีนที่เริ่มส่งสัญญาณของการชะลอตัวเป็นสิ่งที่ต้องติดตาม
ต้องติดตามการลดลงของมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตร โดยสินค้าเกษตรหลักๆ ล้วนประสบปัญหา เช่น ราคายางพาราที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หรือกุ้งที่ประสบปัญหาโรค EMS เป็นต้น ซึ่งทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรในเดือนเมษายนเป็นมูลค่าที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2010 จึงต้องติดตามว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรในระยะยาวหรือไม่