สศช.ชี้ส่งออกหดต้องพึ่งค้าชายแดน-บริโภคภายใน
เลขาธิการสศช. ระบุ ขอดูภาพรวมก่อนปรับประมาณการ คาดครึ่งปีหลังพึ่งพาค้าชายแดนและการบริโภคในประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
เลขาธิการสศช. ระบุ ขอดูภาพรวมก่อนปรับประมาณการ คาดครึ่งปีหลังพึ่งพาค้าชายแดนและการบริโภคในประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวในการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจว่า การปรับลดประมาณการทางเศรษฐกิจไทยของธนาคารแห่งประเทศไทยเหลือ 4.2% และการส่งออกขยายตัว 4% เป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับตัวเลขประมาณการขั้นต่ำของ สศช. แต่เพื่อให้มีความชัดเจนของข้อมูล จะรอพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนมิถุนายน และครึ่งปีแรกก่อน ถึงจะสามารถบอกแนวโน้มครึ่งปีหลังได้
ทั้งนี้ สศช. ประเมินตัวเลขจีดีพีไว้ที่ 4.2% และการส่งออกขยายตัว 7-9% แต่ครึ่งปีแรกการส่งออกยังขยายตัวได้เพียง 2% เพราะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ดังนั้นครึ่งปีหลังจึงต้องพึ่งพาการค้าชายแดนและการบริโภคภายในประเทศ ผ่านมาตรการลงทุนส่งเสริมการประหยัดพลังงานและการใช้จ่ายจากภาคชนบท โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงพลังงานเตรียมจัดทำมาตรการกระตุ้นด้วยแนวทางการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่ใช้พลังงานทางเลือก เช่น โซลาร์เซลล์ สำหรับหลังคาบ้าน และอาคารสำนักงานต่างๆ
ส่วนการใช้จ่ายภาคชนบทนั้นจะกระตุ้นผ่านโครงการรับจำนำข้าวในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงต้นปีหน้า แม้ว่าอาจมีการปรับลดราคารับจำนำลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการเกษตรได้ อย่างไรก็ตามการบริโภคในประเทศนั้นคงไม่สามารถทดแทนการส่งออกได้หมด ดังนั้นผู้ส่งออกจึงต้องเร่งออกไปหาตลาดใหม่ด้วย
ส่วนภาคการลงทุนซึ่งเดิมเป็นภาคที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านโครงการลงทุนบริหารจัดการน้ำ มูลค่า 3.5 แสนล้านบาท และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศ มูลค่า 2 ล้านล้านบาท ขณะนี้ล่าช้ากว่าแผน แต่ 2 โครงการนี้ยังไม่มีผลต่อเศรษฐกิจในปีนี้มากนัก เพราะมูลลงทุนในปีแรกยังต่ำ และสศช.ไม่ได้นำมาประเมินรวมอยู่ในการคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้