posttoday

ชาเขียวเปิดศึกแย่งแชมป์

11 สิงหาคม 2556

สมรภูมิชาเขียวพร้อมดื่มระหว่างสองค่ายยักษ์ อิชิตันกับโออิชิ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามของสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากผู้ท้าชิงอิชิตันประกาศว่าชนะผู้นำโออิชิ

สมรภูมิชาเขียวพร้อมดื่มระหว่างสองค่ายยักษ์ อิชิตันกับโออิชิ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามของสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากผู้ท้าชิงอิชิตันประกาศว่าชนะผู้นำโออิชิด้วยส่วนแบ่งตลาดที่แซงขึ้นมาแล้ว ช่วงชิงดำแบบนี้ ต่างฝ่ายจึงต้องทุ่มงบเพื่อให้รู้ดำรู้แดงว่าใครจะขึ้นเป็นผู้นำตลาดอย่างแท้จริง

นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่มอิชิตัน บอกถึงยุทธศาสตร์อิชิตันในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะใช้งบกว่า 200 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ อิชิตันทัวร์ยกแก๊งฮอกไกโด ตอน รหัสช็อปเปรี้ยง 1 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง 1,500 ล้านบาท หรือสิ้นปีนี้คาดมีรายได้รวม 6,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดทั้งปี 40% เป็นอันดับ 2 หลังจากส่วนแบ่ง 6 เดือน อิชิตันขึ้นนำมีส่วนแบ่ง 44% โออิชิมี 37% และบริษัทกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์เดือน ธ.ค.นี้ เพื่อระดมทุน 3,0005,000 ล้านบาท โดยนำชาเขียวอิชิตันและน้ำสมุนไพรเย็นเย็นรุกตลาดต่างประเทศในปีหน้านี้ ซึ่งภูมิภาคอาเซียนถือเป็นตลาดใหญ่

ด้าน นายอนิรุทธิ์ มหธร รองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทได้ทุ่มงบ 200 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญรหัสโออิชิลุ้นทองแสนทุกชั่วโมง โดยจะแจกทองทุกชั่วโมง ต่อยอดจากแคมเปญในช่วงหน้าร้อน และคาดว่าจะช่วยผลักดันให้ยอดขายเติบโต 3040% ขณะเดียวกันยังเพื่อรองรับการแข่งขันในสมรภูมิชาเขียวที่รุนแรงมากขึ้นตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งทั้งโออิชิและอิชิตันเดินเกมสาดแคมเปญโปรโมชันใหญ่ 2 ครั้งต่อปี จนถึงสิ้นปีนี้ โออิชิมั่นใจว่ารักษาบัลลังก์ด้วยส่วนแบ่ง 4245% ขณะที่ตลาดต่างประเทศ โออิชิเปิดตลาดในอาเซียนมาร่วม 10 ปี รวมถึงขยายตลาดอื่นๆ ยุโรป อาทิ เยอรมนี รัสเซีย โดยในตลาดลาว กัมพูชา โออิชิ ครองบัลลังก์ด้วยส่วนแบ่ง 70%

ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าหืดจับ

ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา นับว่าโดนปัจจัยลบกระหน่ำหลายเด้งมาก เช่น โดนโครงการรถคันแรกแย่งกำลังซื้อ เจอผลกระทบจากความไม่ชัดเจนระบบออกอากาศทีวีดิจิตอล ทำให้ตลาดโทรทัศน์ช็อก รวมถึงภาพใหญ่ผลจากเศรษฐกิจโลกฉุดเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าเป้าที่คาด

นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า นอกจากปัจจัยลบเศรษฐกิจเป็นตัวฉุดกำลังซื้อของผู้บริโภค ในด้านความไม่แน่นอนทางการเมือง ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังเรื่องการจับจ่ายใช้สอย การเกิดของทีวีดิจิตอลก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัย เนื่องจากขณะนี้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการประกาศใช้ทีวีดิจิตอล จึงทำให้ผู้บริโภคยังรอความชัดเจนและชะลอการซื้อทีวีใหม่ออกไป

นายณัฐพงษ์ ฤกษ์สุทธิวิเศษ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท พานาโซนิค เอ.พี.เซลส์ (ประเทศไทย) ระบุว่า อานิสงส์ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าครึ่งปีแรกปีนี้เติบโตทรงตัวเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการแจกคูปองส่วนลดเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อชดเชยให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม ขณะที่ปีนี้ตั้งแต่ต้นปีมีปัจจัยลบกระทบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้บริโภคหันมาประหยัดค่าใช้จ่าย ทำให้บริษัทต้องหันมาเร่งกิจกรรมการตลาดมากขึ้น

ไอ.ซี.ซี.จ่อโละเสื้อผ้า 10 แบรนด์ไม่ทำเงิน

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า เดือน ส.ค.นี้จะพิจารณาเสื้อผ้า 10 แบรนด์ที่ทำตลาดแล้วขาดทุน หรือไม่มีอนาคต เพื่อเลิกทำตลาด ทั้งนี้ปัจจุบัน ไอ.ซี.ซี.ฯ มีเสื้อผ้าจำหน่ายทั้งหมด 60 แบรนด์ เป็นแบรนด์ที่สร้างรายได้ 20% และอีก 80% ไม่สร้างรายได้ ส่วนในย่านศูนย์การค้าสยามพารากอนและเซ็นทรัลเวิลด์อาจจะเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบยอดขาย หากมีการชุมนุมทางการเมือง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาซื้อสินค้าเยอะ โดยเฉพาะกลุ่มทัวร์จีน โดยบริษัทเตรียมแผนรองรับโดยหันมาให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศมากขึ้น ลดการสต๊อกสินค้าลงเพื่อลดความเสี่ยงและมุ่งบริหารจัดการระบบซัพพลายเชน แต่ไม่มีนโยบายถึงขั้นชะลอเปิดตัวสินค้าใหม่ ในครึ่งปีหลังนี้จะเปิดตัวทั้งสินค้าแบรนด์ของบริษัทและนำเข้า

สำหรับตลาดชุดชั้นในมูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท พบว่าชุดชั้นในระดับล่างเติบโตดี โดยภาวะเศรษฐกิจซบเซาทำให้ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมลดความถี่ในการซื้อลง บริษัทจึงวางแผนผลิตชุดชั้นในวาโก้ลงสู่ตลาดระดับกลางวางระดับราคา 400-500 บาท จากปกติราคาต่ำสุดอยู่ที่ 700-800 บาท และนำคอลเลกชันเก่ามาจำหน่ายราคา 400-500 บาท เพื่อรองรับกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง