เดอ ลีฟ ทานาคา ผลิตภัณฑ์ไทยแห่งเอเชีย
การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในกลุ่ม 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ที่กำลังจะเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2558
โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล
การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในกลุ่ม 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ที่กำลังจะเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2558 คือโอกาสใหญ่สำหรับ ศุภชัย จูพานิชย์ เจ้าของธุรกิจสินค้าของใช้ส่วนบุคคล(เพอร์ซันนัลแคร์) ของคนไทย ภายใต้แบรนด์ เดอ ลีฟ ทานาคา (de leaf THANAKA)ตัดสินใจออกมาทำธุรกิจส่วนตัว โดยใช้ประสบการณ์ด้านการตลาดในภูมิภาคอินโดไชน่า ทีสั่งสมมากว่า 7ปีในบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ระดับโลก
ปัจจุบัน ศุภชัยดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป บริษัท มีความสุขทุกวัน เจ้าของผลิตภัณฑ์ เดอ ลีฟ ทานาคา ใช้ทุนจดทะเบียนพร้อมลงทุนกิจการด้วยงบราว 2 ล้านบาท พัฒนาและผลิตสินค้าแป้งฝุ่นทาตัว เดอ ลีฟ ทานาคา เป็นรายการแรกตั้งแต่ 3 ปีก่อน พร้อมเปิดตลาดในพม่าเป็นแห่งแรก ด้วยมองเห็นศักยภาพของผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบหลักสำคัญจากไม้ทานาคา และส่วนผสมอื่นๆ ของพม่า ที่ถูกนำมาแปรรูปใหม่ภายใต้บรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย เป็นที่ถูกใจของผู้บริโภคชาวพม่าคนรุ่นใหม่
จากนั้นเมื่อสินค้าเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีในระดับหนึ่งแล้ว ในปีนี้ศุภชัยจึงหันมารุกตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มตัว ด้วยเชื่อว่าสินค้าที่ดีเป็นที่ยอมรับ จะต้องมีชื่อเสียงหรือสร้างแบรนดิงให้เป็นที่จดจำในกลุ่มเป้าหมายภายในประเทศด้วย พร้อมยึดโมเดลการทำตลาดของไนกี้ เจ้าของอุปกรณ์สินค้ากีฬาแบรนด์ดังระดับโลก ที่ประสบความสำเร็จสูงและเป็นที่รู้จักดีในทุกกลุ่มเป้าหมาย ด้วยสินค้ากีฬาแบรนด์ดังกล่าว ที่แม้ว่าจะไม่มีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง โดยใช้จุดขายจากการออกแบบสินค้า และกระจายการผลิตไปยังผู้รับจ้างผลิต (ซัพพลายเออร์) โรงงานในแหล่งต่างๆ ทั่วโลก เพื่อให้ไนกี้สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ต่ำที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเองในส่วนของโรงงาน
โมเดลดังกล่าวทำให้ไนกี้มีสินค้าที่ถูกออกแบบใหม่ๆ มาทำตลาดหมุนเวียนได้อย่างต่อเนื่อง จากการเป็นแค่เพียงเจ้าของเทคโนโลยีและการออกแบบเท่านั้นเอง เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ เดอ ลีฟ ทานาคา ของบริษัทที่นำเข้าวัตถุดิบหลักทานาคาจากพม่า เพื่อแปรรูปเป็นสินค้าแป้งฝุ่นทาตัว โดยว่าจ้างผลิต (โออีเอ็ม) สินค้าที่โรงงานย่านเทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ โดยบริษัทจะเป็นเจ้าของโนว์ฮาวสูตรการผลิตสินค้า ซึ่งศุภชัยตั้งใจวางตำแหน่งให้เป็นสินค้าเพอร์ซันนัลแคร์สำหรับอาเซียน ภายใต้แนวคิด “โปรดักต์ ออฟ เออีซี”
“โลกธุรกิจสมัยใหม่ เป็นยุคแห่งโอกาส การจะมีกิจการอะไรสักอย่างอาจไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนมากนัก เพราะเทคโนโลยีเข้ามาปฏิวัติธุรกิจ แต่มีสิ่งสำคัญคือต้องหาความต้องการเชิงลึกหรืออินไซด์ผู้บริโภคให้เจอ ตอบโจทย์ให้ได้”ศุภชัย กล่าว
สำหรับช่องทางจำหน่ายสินค้าดังกล่าวในไทย เบื้องต้นโฟกัสไปยังร้านค้าปลีกพิเศษ (สเปเชียลลิตี สโตร์) อาทิ โกลเดนท์ เพลส ร้านบายใจ กลุ่มร้านสมุนไพร ร้านภูมิใจไทย เป็นต้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดของสินค้าที่คงความเป็นแป้งฝุ่นจากสมุนไพรธรรมชาติ รับกับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่สนใจสินค้าจากวัตถุดิบธรรมชาติมากขึ้นด้วย โดยวางแก่นแท้ตราสินค้า (แบรนด์เอสเซนส์) เดอ ลีฟ ทานาคา คือ งดงามอย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างวิจัยพัฒนาสินค้าที่มีส่วนผสมจากทานาคาอีกหนึ่งรายการใหม่ คือ ครีมบำรุงผิว คาดพร้อมเปิดตัวทำตลาดราวปลายไตรมาส 4 ปีนี้ หรือต้นปีหน้า และเตรียมแผนขยายช่องทางจำหน่ายในร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) ในอนาคต พร้อมนำสื่อใหม่ในสังคมออนไลน์ประเภทต่างๆ มาเสริมไปพร้อมกัน
ศุภชัย บอกว่า นอกจากการเปิดเออีซีจะเป็นการขยายตลาดใหม่สำหรับเอสเอ็มอีแล้ว ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยบวกจากการเปิดการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อาเซียน ด้านวัตถุดิบนำเข้าอัตรา 0% ด้วย ซึ่งเขาได้ใช้โอกาสเดียวกันนี้นำเข้าวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์ในพม่า พร้อมทำตลาดในประเทศดังกล่าวผ่านระบบเครือข่ายการกระจายสินค้าอีกทอดหนึ่ง
พร้อมวางเป้าหมายภายใน 2 ปีนับจากนี้ สินค้าแป้งฝุ่น เดอ ลีฟ ทานาคา จะครองส่วนแบ่งตลาดราว 2% ของตลาดรวมที่มีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ที่ปัจจุบันตลาดนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในไทย ที่รวมถึงมูลค่ารายได้ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตเมื่อเข้าสู่เออีซี ในฐานะผลิตภัณฑ์เพอร์ซันนัลแคร์ระดับอาเซียนด้วย