ภาพจริง

ข้อมูลจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีใกล้ 2 แสนราย มีแววไปไม่รอด ทั้งนี้ เนื่องจากขาดสภาพคล่องอย่างหนักและไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาต่อลมหายใจซึ่งกลับกลายเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กลับออกมาบอกว่าสถานการณ์ของผู้ประกอบการไม่เลวร้ายนัก คาดว่าจะปิดกิจการใกล้เคียงกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา ประมาณ 35 หมื่นราย ซึ่งถือเป็นอัตราปกติและกำลังเร่งหามาตรการเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง

สิ่งสำคัญคือ ผู้ประกอบการที่ได้จากข้อมูลการวิจัยของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์กับข้อมูลของ สสว. อาจจะไม่ได้มาจากแหล่งเดียวกันผู้ประกอบการที่เข้าถึงความช่วยเหลือของ สสว. อาจจะไม่ใช้ผู้ประกอบการที่มาจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ที่ลงไปสำรวจผู้ประกอบการใน 16 จังหวัดทั่วประเทศ

เช่นเดียวกับสถานการณ์โดยรวมของเศรษฐกิจประเทศทุกวันนี้มีบางคนบอกว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่มีเสียงคัดค้านว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจที่แท้จริงเหล่านี้มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ประกอบการ

เชื่อว่าเสียงสะท้อนของผู้ประกอบการรายย่อย หรือเอสเอ็มอี จะสะท้อนภาพเศรษฐกิจได้ดีที่สุด เพราะส่วนใหญ่สัมผัสกับกำลังซื้อที่แท้จริงของลูกค้า หรือผู้บริโภค โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยๆ ที่ขายของอยู่ทั่วประเทศในขณะนี้ ยอดขายที่ลดลง คำสั่งซื้อที่หายไป ล้วนแต่สะท้อนภาพจริงของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ ภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คงต้องเข้าไปสำรวจดูของจริง สถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการขณะนี้ ไม่ใช่รอฟังข้อมูลจากผู้ประกอบการที่เข้าถึง เพราะผู้ประกอบการเหล่านี้มีกำลังส่วนหนึ่งที่สามารถพยุงธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป แถมเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ แต่สำหรับรายอื่นนอกเหนือจากนี้คงต้องดิ้นกันต่อไป ไหวก็รอด ไม่ไหวก็ปิดตัวกันไป