posttoday

เฟดเอ็กซ์พลิกโฉมโมเดลโลจิสติกส์โลก

25 กันยายน 2556

ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนักที่ธุรกิจธุรกิจหนึ่งจะสามารถมีอิทธิพลและถึงขั้น “เปลี่ยนแปลง” โลกที่เราอาศัยได้โดยสิ้นเชิง

โดย...ณัฐสุดา จิตตปาลพงศ์

ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนักที่ธุรกิจธุรกิจหนึ่งจะสามารถมีอิทธิพลและถึงขั้น “เปลี่ยนแปลง” โลกที่เราอาศัยได้โดยสิ้นเชิง

เพราะนั่นหมายความว่า สินค้าหรือบริการของธุรกิจดังกล่าวจะต้องแปลกใหม่ หรือไม่ก็มีจุดขายพิเศษเมื่อเทียบกับคู่แข่งจนสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากที่สุดนั่นเอง

ดังเช่นกรณีของเฟดเอ็กซ์ (FedEx) ธุรกิจผู้ให้บริการขนส่งสินค้าชื่อดังของโลก ซึ่งทาง เฟรดเดอร์ริก ดับเบิลยู สมิธ ผู้ก่อตั้งชาวอเมริกัน มักกล่าวอย่างภาคภูมิใจเสมอว่า คือ “ธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยบริษัทอื่นๆ ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น”

ทั้งนี้ เพราะต้องไม่ลืมว่า ก่อนหน้าที่จะมีเฟดเอ็กซ์ การลำเลียงขนส่งสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกนั้นถือเป็นเรื่องที่ยากและแพงสุดๆ และที่สำคัญก็คือ “เชื่องช้า” สมิธจึงเล็งเห็นโอกาสทองในการทำธุรกิจขนส่งสินค้าแบบ “ข้ามคืน” (Overnight) หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือส่งปุ๊บลูกค้าปลายทางสามารถรับได้ทันทีในเช้าของวันถัดมานั่นเอง

“ไอเดียสำหรับเฟดเอ็กซ์ผุดขึ้นในหัวผมตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยที่เยลแล้ว ผมเขียนเรียงความส่งอาจารย์เกี่ยวกับระบบการทำงานของบริษัทต่างๆ ผมไม่เข้าใจว่า ในเมื่อโลกของเรากำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว อาทิ มีการนำเทคโนโลยีมาใช้แทนคนมากขึ้น แล้วเพราะเหตุใดระบบโลจิสติกส์จึงยังคงล้าหลังมาก”

เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากเรียนจบสมิธได้มีโอกาสทำงานเป็นนักบิน จึงมักเห็นพวกเครื่องบินของบรรดาบริษัทใหญ่ ซึ่งต้องคอยนำชิ้นส่วนต่างๆ ไปส่งให้กับสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนมาก

ดังนั้น ในปี 1973 สมิธจึงตัดสินใจผุด “เฟดเดอรัล เอ็กซ์เพรส” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า เฟดเอ็กซ์ นั่นเอง โดยใช้เงินตั้งตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินจากการระดมทุนมากถึง 95 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือหากคิดเป็นเงินสมัยนี้ก็สูงถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในส่วนของชื่อบริษัทนั้น เจ้าตัวยอมรับว่า สาเหตุที่เลือกใช้คำว่า “เฟดเดอรัล” ก็เพราะลอกเลียนแบบชื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟดเดอรัล รีเสิร์ฟ) โดยหวังว่าจะส่งเสริมให้ภาพลักษณ์บริษัทให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น

ทว่าเปิดตัวได้เพียง 3 ปี เฟดเอ็กซ์ก็เจอปัญหามากมาย โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งกระทบบริษัท ที่มียานพาหนะอย่างเครื่องบินและรถบรรทุกเป็นหัวใจหลัก ส่งผลให้ต้องขาดทุนสูงถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน จนกระทั่งวันหนึ่งสมิธพบว่าบริษัทมีเงินเหลือในบัญชีเพียง 5,000 เหรียญสหรัฐเท่านั้น

เมื่อการยื่นเรื่องขอสินเชื่อจากธนาคาร ตลอดจนนักลงทุนอิสระไร้ผล ผู้ประกอบการรายนี้จึงงัด “แพลนซี” โดยรีบเดินทางไปยังลาสเวกัสทันที เพื่อนำเงินที่เหลือของบริษัทไปเล่นไพ่

งานนี้โชคเข้าข้างสมิธสุดๆ เพราะภารกิจที่ลาสเวกัสนั้นช่วยให้เจ้าตัวมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นเป็น 3.2 หมื่นเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากพอที่จะต่อลมหายใจกิจการไปอีก 23 วัน ซึ่งระหว่างนั้นเจ้าตัวก็ได้รับเงินทุนเพิ่มจากนักลงทุน และนับตั้งแต่วันนั้น เฟดเอ็กซ์ก็ไม่เคยต้องกังวลเรื่องเงินๆ ทองๆ อีกเลย

ทั้งนี้ จุดเด่นของเฟดเอ็กซ์ ซึ่งเมื่อปี 2554 มีรายได้สูงถึง 3.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.1 ล้านล้านบาท) คือ ความรวดเร็วในการขนส่งสินค้า โดยทางบริษัทนั้นมีการวางแผนระบบอย่างละเอียด อาทิ ตำแหน่งของสาขาย่อยและศูนย์ปฏิบัติการต่างๆ เพื่อให้ทุกอย่างไหลลื่นสะดวกที่สุด

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการออกแบบบาร์โค้ดพิเศษ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถติดตามสินค้าทุกชิ้นแบบเรียลไทม์ และขณะเดียวกัน บริษัทเป็นผู้บุกเบิกการขนส่งแบบข้ามคืน ซึ่งหมายความว่า การทำงานส่วนใหญ่ของเฟดเอ็กซ์จะเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นช่วงที่กิจกรรมการขนส่งต่างๆ ไม่คึกคักมากนัก

เฟดเอ็กซ์ยังกล้าลงทุนในยานพาหนะของตัวเองอีกด้วย เช่น รถบรรทุกและที่ขาดไม่ได้ก็คือเครื่องบิน โดยว่ากันว่า บริษัทมีเครื่องบินมากที่สุดในโลกแซงหน้าสายการบินต่างๆ โดยสิ้นเชิง โดยปัจจุบันอยู่ที่ราว 700 ลำ

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แทบจะทุกบริษัท โดยเฉพาะรายใหญ่ของโลก ต่างเคยใช้บริการของเฟดเอ็กซ์มาแล้วทั้งสิ้น พร้อมกับยกย่องบริการของเฟดเอ็กซ์ว่า รวดเร็ว ทันใจ และน่าไว้วางใจ ซึ่งท้ายที่สุดก็นับได้ว่าเป็นประโยชน์สำหรับแต่ละบริษัทเอง