ทักษิณาธิปไตยทักษิโณมิกส์

20 พฤศจิกายน 2556

คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย ในช่วงวันที่ 9 ก.พ. 2544 ถึงวันที่ 19 ก.ย. 2549 ก่อนที่จะถูกคณะรัฐประหารยึดอำนาจไป ในช่วงสมัยแรกๆ คุณทักษิณได้รับการยอมรับจากคนไทยส่วนใหญ่ มีนโยบายในการปกครองประเทศในเชิงประชานิยมและกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจไทยมีเงินสะพัดมากขึ้น

คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย ในช่วงวันที่ 9 ก.พ. 2544 ถึงวันที่ 19 ก.ย. 2549 ก่อนที่จะถูกคณะรัฐประหารยึดอำนาจไป ในช่วงสมัยแรกๆ คุณทักษิณได้รับการยอมรับจากคนไทยส่วนใหญ่ มีนโยบายในการปกครองประเทศในเชิงประชานิยมและกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจไทยมีเงินสะพัดมากขึ้น

นอกจากนั้นยังมีนโยบายกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้นในประเทศ ซึ่งนำไปสู่ภาวะหนี้ครัวเรือนสูงขึ้นมาก จนปัจจุบันนี้ไต่ขึ้นไปถึง 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นภาวะที่น่าเป็นห่วง คนไทยระดับล่างและกลุ่มรากหญ้ามีหนี้สินพะรุงพะรัง คุณทักษิณเป็นที่รักใคร่มากสำหรับประชาชนในภาคอีสาน (เพราะว่าเป็นนายกฯ ที่สนใจคนอีสานมากที่สุด) และบางส่วนในภาคเหนือ แต่ก็เป็นที่เกลียดชังอย่างยิ่งสำหรับคนไทยภาคใต้และบางส่วนในภาคกลาง รวมทั้งชาว กทม.

นับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่เป็นที่รักอย่างยิ่งและเป็นที่เกลียดชังอย่างยิ่งของประชาชนไทยนับตั้งแต่ที่คุณทักษิณเป็นนายกฯ ตราบจนปัจจุบัน สังคมไทยได้แบ่งขั้วกันอย่างชัดเจนมากเป็นสองฝ่าย แทบจะไม่มีฝ่ายที่รู้สึกกลางๆ เลยทีเดียว นอกจากสังคมระดับชาติที่แตกแยกกระทั่งสังคมญาติพี่น้องเพื่อนฝูงก็ทะเลาะกันจากความเห็นที่แตกต่างกันทางการเมือง

ยกตัวอย่างญาติผมบางคนเลิกคุยกัน มองหน้ากันไม่ติด หลังจากเสวนาทางการเมืองกัน กระทั่งใน Social บนอินเทอร์เน็ต ผมเห็นเพื่อน Unfriend เพื่อนที่คบกันมานานใน Facebook จากความเห็นที่ไม่ตรงกันทางการเมือง หรือการเขี่ยเพื่อนบางคนออกจาก Line Group ก็เห็นบ่อยๆ เกิดจากระบบความคิดที่ใช้ในการบริหารประเทศของคุณทักษิณที่แตกต่างจากพรรคอื่นหรือนายกฯ คนอื่น จนมีคนให้ฉายาแนวทางการบริหารประเทศของคุณทักษิณว่าเป็นแบบทักษิโณมิกส์หลังจากที่ท่านบริหารประเทศนานขึ้น ท่านมีความสามารถพิเศษที่ทำให้องค์กรอิสระต้องหันมาสนับสนุนท่านจนประชาชนบางกลุ่มเริ่มรู้สึกว่าดูเหมือนจะไม่มีใครสามารถทัดทานความคิดของคุณทักษิณได้ จนหลายคนเกรงว่า ถ้าคุณทักษิณบริหารประเทศไม่ดีก็ไม่มีใครจะสามารถทัดทานได้ แนวทางในการบริหารประเทศดังกล่าวทำให้บางคนก็ค่อนแคะว่าเป็นระบอบปกครองแบบทักษิณาธิปไตย เปรียบเสมือนว่าอำนาจในการปกครองบริหารประเทศอยู่ในกำมือของคุณทักษิณคนเดียวเท่านั้น

ยิ่งคุณทักษิณเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขตไหนเลือกพรรคของคุณทักษิณก็จะดูแล ส่วนเขตไหนไม่เลือกก็จะไม่ดูแล ยิ่งทำให้เป็นที่ไม่ชอบใจมากขึ้นของคนหลายกลุ่ม จึงเป็นที่มาของการรวมกลุ่มเป็นกลุ่มพันธมิตร (สีเหลือง) ในอดีต ทางฝ่ายคุณทักษิณและคนที่รักคุณทักษิณก็ไม่ยอมน้อยหน้า รวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ยิ่งทำให้เกิดการแตกแยกของคนในสังคมมากขึ้น ตั้งแต่ผมเกิดมาใช้ชีวิตอยู่มาครึ่งชีวิตแล้ว ก็ยังไม่เคยเห็นคนไทยแตกแยกและเกลียดกันเองมากถึงขนาดนี้ นับว่าเป็นที่น่าสงสารและน่าอับอายในสายตาของชาวต่างชาติที่เขามองมาที่สังคมไทยเรา

ผมก็ได้แต่ภาวนาให้สังคมไทยกลับกลายมาเป็นสังคมที่รักใคร่เอื้ออาทรกันเหมือนในอดีต ไม่รู้จะต้องรอไปอีกกี่ปีหรือกี่สิบปี ดูแล้วน่าจะแก้ไขได้ยากยิ่ง เพราะว่าปัญหานี้ได้ฝังรากลึกลงไปในทุกระดับ

ผมยอมรับในความสามารถของคุณทักษิณ ในบางนโยบายที่เป็นนโยบายที่ดีทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันผมก็ไม่เห็นด้วยในบางนโยบาย โดยเฉพาะการที่ทำให้องค์กรอิสระเป็นง่อยหรือกลายเป็นพวกเสียหมด ถ้าคุณทักษิณยอมให้องค์กรอิสระเหล่านั้นมีความเป็นอิสระในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้ ผมเชื่อว่ารัฐบาลของคุณทักษิณจะเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะว่าโดยรวมๆ แล้วนโยบายที่เคยทำก็ส่งผลดีกับเศรษฐกิจไทยอยู่เป็นที่ประจักษ์ ถ้าทำได้ดังนี้คงไม่มีประชาชนจำนวนมากไปร่วมประท้วงกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในขณะนี้ ซึ่งการประท้วงครั้งนี้ ถ้าสังเกตให้ดีจะมีผู้หญิงที่เข้าร่วมประท้วงค่อนข้างมาก ซึ่งผมเชื่อว่าจะมีจำนวนมากกว่าผู้ชายแน่ๆ จากสังคมรอบตัวผม ผมมักจะเห็นแก่ญาติผู้หญิงหรือเพื่อนผู้หญิงที่ไปร่วมประท้วง โดยเฉพาะสุภาพสตรีเหล่านี้มักจะถ่ายรูปแล้วมาแปะไว้ใน Instragram และ Facebook กัน จนดูเหมือนจะกลายเป็นแฟชั่นไปซะแล้ว

กลับมาดูเศรษฐกิจปีนี้ถือว่าแย่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในกลุ่ม Asean เราได้เกือบที่โหล่เลยทีเดียว ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่เพิ่งประกาศออกมาเหลือเพียง 2.70% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่า Consensus ที่อยู่ที่ประมาณ 3% คงจะต้องมีการปรับตัวเลขคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงอีกตามมาแน่ๆ Analyst ก็เริ่มจะปรับประมาณการผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลดลงอีกเป็นรอบที่ 2 แต่เป็นที่น่าแปลกว่าในภาวะที่ประท้วงกันขนาดนี้ บวกกับตัวเลข GDP ที่น่าผิดหวังกลับไม่กระทบกระเทือน Set เลยทีเดียว ถือว่าเป็นสัญญาณที่ต้องติดตาม ถ้า Set Index สามารถยืนเหนือ 1,430 จุดได้อย่างมั่นคง คงจะต้องยอมควักสตางค์ซื้อหุ้นเข้ามาเก็บแล้วถือข้ามปีกันซะแล้วครับ เข้าทำนองข่าวร้ายหุ้นไม่ลง แสดงว่าตลาดได้ Discount สิ่งเหล่านี้ไปเรียบร้อยแล้ว

วันอาทิตย์นี้ (24/11/2556) ผมจะเปิดอบรมการลงทุนในหุ้นทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค รวมทั้งวิธีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในสไตล์ของผมที่สร้างเงินจาก 1 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท สนใจกรุณาติดต่อที่ 088-274-0434 หรือ 081-835-9274

Thailand Web Stat