รายงานภาษีมูลค่าเพิ่ม

22 พฤศจิกายน 2556

ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม นอกจากมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว การจัดทำรายงานประกอบการยื่นแบบฯ เพื่อเสียภาษี หรือขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน หากไม่จัดทำรายงาน หรือจัดทำรายงานไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด มีปัญหาติดตามมาภายหลังเป็นแน่แท้

ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม นอกจากมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว การจัดทำรายงานประกอบการยื่นแบบฯ เพื่อเสียภาษี หรือขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน หากไม่จัดทำรายงาน หรือจัดทำรายงานไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด มีปัญหาติดตามมาภายหลังเป็นแน่แท้

รายงานที่กฎหมายให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องจัดทำประกอบด้วย รายงานภาษีขาย รายงานภาษีซื้อ รายงานสินค้าและวัตถุดิบ หรือรายงานรูปแบบอื่นที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดสำหรับกิจการบางประเภท อาทิ กิจการโรงเลื่อย กิจการค้าไม้ กิจการค้าของเก่า เป็นต้น แต่อย่างน้อยรายงานที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องจัดทำ ได้แก่ รายงานภาษีขายและรายงานภาษีซื้อ ส่วนรายงานสินค้าและวัตถุดิบ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นกิจการที่กฎหมายกำหนดให้จัดทำหรือไม่

รายงานภาษีขาย รายงานภาษีซื้อ และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ รูปแบบของรายงานต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด แต่จะมีรายการหรือข้อความมากกว่าที่กฎหมายกำหนดก็ได้ รูปแบบรายงาน ท่านสามารถศึกษาได้จากท้ายประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ฉบับที่ 89 ซึ่งแต่ละรายงานมีวิธีการจัดทำ สรุปได้ดังนี้

รายงานภาษีขาย ผู้ประกอบการต้องนำใบกำกับภาษีขายไปลงรายการในรายงานภายใน 3 วัน นับถัดจากวันเดือนปีที่ระบุไว้ในใบกำกับภาษีขาย โดยลงรายการเป็นรายใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป แต่ถ้าได้จัดทำใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ตั้งแต่ 100 ฉบับต่อวันขึ้นไป และได้มีการจัดทำรายงานสรุปการขายประจำวัน ผู้ประกอบการจะลงรายการในรายงานภาษีขาย เฉพาะมูลค่าสินค้าหรือบริการและจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มต่อวัน โดยไม่ต้องลงรายการเป็นรายใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปก็ได้ แต่ถ้าหากได้ออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ ให้ลงรายการในรายงานเฉพาะมูลค่าสินค้าหรือบริการและจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มต่อวันเท่านั้น โดยให้ระบุใบกำกับภาษีอย่างย่อ เล่มที่...เลขที่...ถึงเลขที่... ในรายงานภาษีขายด้วย

กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ออกใบเพิ่มหนี้หรือใบลดหนี้ให้แก่ลูกค้า ให้นำไปลงรายการภายใน 3 วันทำการนับแต่วันที่ระบุไว้ในใบเพิ่มหนี้หรือใบลดหนี้

รายงานภาษีซื้อ ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ซื้อสินค้าหรือบริการ ให้นำใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป (ใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากร ใบเสร็จรับเงินของกรมศุลกากร และใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพสามิตที่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม) ไปลงรายการในรายงานภายใน 3 วัน นับถัดจากวันที่ได้รับใบกำกับภาษีซื้อเข้ามา โดยให้ลงรายการแยกเป็นรายใบกำกับภาษี แยกเป็นรายเดือนภาษี เรียงลำดับใบกำกับภาษีซื้อที่ได้รับและต้องให้เลขที่กำกับใบสำคัญเรียงขึ้นใหม่ทางด้านบนขวาของใบกำกับภาษีซื้อที่ได้รับด้วย

กรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้รับใบเพิ่มหนี้หรือใบลดหนี้จากผู้ขายสินค้าหรือให้บริการ ให้นำไปลงรายการภายใน 3 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับใบเพิ่มหนี้หรือใบลดหนี้

รายงานสินค้าและวัตถุดิบ ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เป็นผู้ให้บริการหรือเป็นบุคคลธรรมดาไม่ต้องจัดทำรายงานนี้ แต่ถ้าเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นผู้ผลิตหรือผู้ขายสินค้า ต้องจัดทำรายงานสินค้าและวัตถุดิบ ทั้งนี้ ให้ลงรายการในรายงานตามปริมาณสินค้าหรือวัตถุดิบที่รับมาหรือจ่ายไปจริง ภายใน 3 วัน นับถัดจากวันที่รับมาหรือจ่ายไป โดยระบุวันเดือนปี ปริมาณสินค้าหรือวัตถุดิบที่รับมาหรือจ่ายไป และมูลค่าสินค้าหรือบริการ

การจัดทำรายงานภาษีขาย รายงานภาษีซื้อ และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องให้ความสำคัญ หากไม่จัดทำหรือจัดทำไม่ถูกต้อง ภาษีซื้อหรือภาษีขายที่นำมาคำนวณภาษีในแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มอาจผิดพลาด ส่งผลต่อการชำระภาษี การขอคืนภาษี รวมถึงอาจเสียค่าปรับและเงินเพิ่มอีกด้วย สวัสดีครับ

Thailand Web Stat