การอุทธรณ์ภาษี

06 ธันวาคม 2556

ปัญหาข้อพิพาททางภาษีระหว่างผู้ประกอบการกับเจ้าหน้าที่สรรพากรที่ทำหน้าที่ประเมินภาษีมักเกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะตีค่าแตกต่างกัน

ปัญหาข้อพิพาททางภาษีระหว่างผู้ประกอบการกับเจ้าหน้าที่สรรพากรที่ทำหน้าที่ประเมินภาษีมักเกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะตีค่าแตกต่างกัน

หลายครั้งผู้ประกอบการต้องจำยอม แต่หลายคนลุกขึ้นสู้

ผมจึงนำเรื่องการอุทธรณ์ภาษีอากรมานำเสนอให้รู้ทิศรู้ทาง

การอุทธรณ์ภาษีอากรเป็นกระบวนการยุติธรรมอย่างหนึ่งที่กฎหมายประมวลรัษฎากรกำหนดให้ผู้ถูกประเมินภาษีสามารถใช้สิทธิคัดค้านการประเมินภาษีอากรของเจ้าพนักงานประเมินที่ผู้ถูกประเมินภาษีเห็นว่าไม่ถูกต้องต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์

ถามว่า การอุทธรณ์ภาษีอากรจะต้องทำอย่างไร

หากต้องการคัดค้านการประเมินภาษีอากรของเจ้าพนักงานประเมิน ผู้ถูกประเมินภาษีจะต้องยื่นคำอุทธรณ์เป็นหนังสือ โดยใช้แบบคำอุทธรณ์ตามที่อธิบดีกำหนด ซึ่งสามารถยื่นคำอุทธรณ์เป็นรายฉบับตามหนังสือแจ้งการประเมิน หรือรวมยื่นคำอุทธรณ์ฉบับเดียวสำหรับหนังสือแจ้งการประเมินหลายฉบับก็ได้ โดยระบุให้ชัดแจ้งว่าอุทธรณ์คัดค้านการประเมินภาษีประเภทใด เดือน/ปี ภาษีใด ตามหนังสือแจ้งการประเมินฉบับใด และเป็นจำนวนเงินภาษีเท่าใด และสิ่งสำคัญที่ต้องระบุคือไม่เห็นด้วยกับการประเมินในประเด็นใด พร้อมทั้งให้เหตุผลทุกประเด็น และแสดงเอกสารหลักฐานประกอบเหตุผลนั้นด้วย

แบบคำอุทธรณ์ที่อธิบดีกำหนด ได้แก่ แบบใดบ้าง ผมจำแนกได้

แบบคำอุทธรณ์ (ภ.ส.6) ใช้ได้กับการอุทธรณ์ทุกกรณี

แบบคำอุทธรณ์และคัดค้านการประเมินภาษีอากร (กศก.171) ใช้เฉพาะการอุทธรณ์เพื่อคัดค้านการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มของเจ้าพนักงานประเมินกรมศุลกากร โดยผู้ถูกประเมินภาษีจะยื่นคำอุทธรณ์ที่กรมสรรพากรหรือกรมศุลกากรก็ได้แบบคำอุทธรณ์ทั้งสองแบบ

ผู้ถูกประเมินภาษีสามารถพิมพ์ได้จากระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากร http:// www.rd.go.th หรือจะขอรับได้ที่หน่วยงานสรรพากรทั่วราชอาณาจักร หรือแบบคำอุทธรณ์และคัดค้านการประเมินภาษีอากร (กศก.171) จะขอรับได้จากกรมศุลกากรทั่วราชอาณาจักรได้ด้วย

ยังมีคำถามอีกว่า แล้วผู้ถูกประเมินภาษีจะต้องยื่นอุทธรณ์ต่อใคร ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครต้องยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งประกอบด้วย อธิบดีกรมสรรพากรหรือผู้แทน ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด และผู้แทนกรมการปกครอง

สำหรับในต่างจังหวัด ต้องยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทน สรรพากรภาคหรือผู้แทน และอัยการจังหวัดหรือผู้แทน

จำไว้ให้ดีนะครับ ผู้จะใช้สิทธิอุทธรณ์จะต้องยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือแจ้งการประเมินภาษีจากเจ้าพนักงานประเมิน

หลักฐานในการยื่นก็ไม่หนักหนามากนัก เพียงนำหนังสือแจ้งการประเมินหรือแบบคำสั่งให้ชำระภาษีอากรฉบับที่ต้องการคัดค้านการประเมิน โดยเป็นต้นฉบับหรือภาพถ่ายที่รับรองสำเนาถูกต้อง

นอกจากนี้ ยังต้องนำภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ถูกประเมินภาษี กรณีเป็นนิติบุคคลให้แนบหนังสือรับรองของกระทรวงพาณิชย์ ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการ พร้อมประทับตรานิติบุคคลกำกับการลงชื่อของผู้มีอำนาจลงนามแทนนิติบุคคล

เท่าที่ติดตามแนวทางการอุทธรณ์ภาษีนั้น คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จะพิจารณาและวินิจฉัยข้อโต้แย้งตามคำอุทธรณ์ เมื่อแล้วเสร็จจะส่งผลเป็นคำวินิจฉัยอุทธรณ์ (ภ.ส.7) ให้แก่ผู้ยื่นอุทธรณ์แค่ 4 แนวทาง

1.ให้ปลดภาษี เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าการประเมินไม่ถูกต้อง ในกรณีนี้ผู้อุทธรณ์ไม่ต้องเสียภาษีตามการประเมิน

2.ให้ลดภาษี เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าการประเมินบางส่วนถูกต้องและบางส่วนไม่ถูกต้อง จึงปรับปรุงจำนวนภาษีให้คงเหลือเท่าที่ผู้อุทธรณ์ต้องชำระภาษีเพิ่มเติมให้ครบถ้วน

3.ให้ยกอุทธรณ์ เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าการประเมินถูกต้องแล้ว ซึ่งผู้อุทธรณ์ต้องเสียภาษีตามการประเมิน

4.ให้เพิ่มภาษี เนื่องจากได้พิจารณาประเด็นการประเมินและข้อโต้แย้งของผู้อุทธรณ์แล้วปรากฏว่าการประเมินถูกต้อง แต่เจ้าพนักงานประเมินคำนวณภาษีคลาดเคลื่อนต่ำไป คณะกรรมการฯ อาจปรับปรุงการคำนวณภาษีและมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้ผู้อุทธรณ์เสียภาษีเพิ่มขึ้นได้

โชคดีทุกท่านครับ

Thailand Web Stat