"เลี้ยงปูนิ่ม"รายได้งาม ตลาดต้องการสูง

27 ธันวาคม 2556

ความสำเร็จของเกษตรกรไทย ที่สามารถพลิกการเลี้ยง “ปูทะเลนิ่ม” ทำให้ได้ผลผลิตตามมาตรฐานส่งออก โดยบริษัท เก้าดาวฟาร์ม (2005) จ.ระนอง

โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน

ความสำเร็จของเกษตรกรไทย ที่สามารถพลิกการเลี้ยง “ปูทะเลนิ่ม” ทำให้ได้ผลผลิตตามมาตรฐานส่งออก โดยบริษัท เก้าดาวฟาร์ม (2005) จ.ระนอง มีผลผลิตทั้งปูนิ่มแช่แข็ง บริการขนส่งบรรจุของสด และทำแฟรนไชส์อาหารจานเดียวจากปูนิ่ม ภายใต้ชื่อ “แฟรนไชส์ปูนิ่มเก้าดาว” จนปัจจุบันถือเป็นผู้ผลิตปูทะเลนิ่มรายใหญ่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

เชาวลิต ธรรมสุนทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เก้าดาวฟาร์ม (2005) ผู้ผลิตปูทะเลนิ่มแช่แข็งรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ได้เข้ามาร่วมโครงการกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อร่วมแนะนำวิธีการเลี้ยงปูทะเลนิ่ม พัฒนาการเลี้ยงปูทะเลนิ่ม ทั้งการคัดเลือกปู วิธีการเลี้ยง การพัฒนาคุณภาพผลิต แหล่งน้ำ เทคนิค และแนวทางบริหารจัดการฟาร์ม ซึ่งมีฟาร์มผลิตอยู่ที่ จ.ระนอง

ทั้งนี้ เมื่อเข้ามาร่วมโครงการกับ สกว. ส่งผลดีต่อคุณภาพการเลี้ยงปูทะเลนิ่มดีขึ้น และช่วยลดต้นทุน มีฟาร์มที่ได้มาตรฐาน รวมทั้งทำให้ประชาชนทั่วไปมั่นใจกับปูทะเลนิ่มของบริษัท เพราะได้รับการส่งเสริมจาก สกว. ทำให้คนรู้จักสินค้าของ เก้าดาวฟาร์ม มากขึ้น

ปัจจุบันได้เลี้ยงปูนิ่มมากกว่า 1 แสนตัว มีกำลังการผลิต 4,000 กิโลกรัมต่อเดือน แต่สามารถผลิตได้วันละ 1,000-2,000 กิโลกรัม เนื่องจากได้รับซื้อจากเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งได้ส่งออกปูนิ่มแช่แข็งให้แก่ห้างค้าปลีกแม็คโคร ร้านอาหาร และโรงแรมต่างๆ

พร้อมกันนี้ ได้ต่อยอดธุรกิจในรูปแบบ “แฟรนไชส์ปูนิ่มเก้าดาว” โดยเป็นแฟรนไชส์ร้านอาหาร ที่เป็นรูปแบบคีออส ที่มีเมนูปูนิ่ม เช่น ปูนิ่มทอดและปูนิ่มทอดราดข้าว เป็นต้น เปิดสาขาแรกที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาบางเค็ม จ.เพชรบุรี ค่าแฟรนไชส์ 56 หมื่นบาท รวมค่าอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเปิดให้ประชาชนสนใจเข้ามาซื้อแฟรนไชส์แล้ว นอกจากนี้ แฟรนไชส์ปูนิ่มเก้าดาว ได้รับรองมาตรฐาน GMP จาก อย. กระทรวงสาธารณสุข

มยุรี จัยวัฒน์ ผู้ประสานงานชุดโครงการปูทะเลนิ่ม สกว. ประธานคณะกรรมการวิชาการมาตรฐานสินค้าเกษตร: ปูทะเลนิ่ม สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า สกว.ได้ให้การสนับสนุนทุนวิจัยปูทะเลนิ่มอย่างครบวงจร เพื่อปรับวิธีการเลี้ยงปูนิ่มทะเลให้แก่เกษตรกรแบบใหม่ ทำให้มีต้นทุนลดลง มีฟาร์มได้มาตรฐาน

แนวทางที่ได้ส่งเสริมให้แก่เกษตรกร อาทิ กำหนดระยะเวลาให้อาหารปู ที่ควรหยุดให้อาหารก่อนปูลอกคราบ 3 วัน เพราะปูจะไม่กินอาหารก่อนลอกคราบ แต่เกษตรไทยส่วนใหญ่ยังให้อาหารปูนิ่มแบบปกติ ทำให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย และมีต้นทุนอาหารปูสูงมาก เพราะราคาแพง ขณะเดียวกัน ยังได้เข้าไปให้ความรู้จนถึงขั้นตอนการเลี้ยงลูกปู การบริหารจัดการ ทำให้ปูนิ่มมีคุณภาพที่ดี มีฟาร์มมาตรฐาน และมีต้นทุนลดลง จากปัจจุบันมีเกษตรที่ทำฟาร์มปูทะเลนิ่มหลายร้อยราย

รวมทั้งอยากแนะนำให้เกษตรกรรายเล็กๆ หันมาเพาะเลี้ยงลูกปู เพื่อส่งขายให้แก่เกษตรกรที่เลี้ยงปูนิ่มรายใหญ่ เนื่องจากไทยต้องนำเข้าพันธุ์ลูกปูจากบังกลาเทศ เพราะไม่สามารถเลี้ยงในประเทศได้ หรือหากซื้อในประเทศต้องซื้อจากภาครัฐเท่านั้น เพราะขั้นตอนการเลี้ยงลูกปู มีต้นทุนสูง ภาครัฐควรหันมาทำยุทธศาสตร์ปู ส่งเสริมการเลี้ยงปูให้แก่เกษตรกรอย่างจริงจัง

นอกจากนี้ การลงทุนทำฟาร์มปูทะเลนิ่ม ต้องเลือกพื้นที่มีน้ำขึ้นลง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ติดกับทะเล โดยการลงทุนทำฟาร์มปูทะเลนิ่ม จะเริ่มต้นประมาณ 1.7 ล้านบาทต่อฟาร์ม แต่จะได้กำไรจากการทำฟาร์มปีละ 3.17 ล้านบาท หรือกำไรขั้นต่ำ 30% ที่สำคัญสามารถเลี้ยงได้ตลอดปี ดังนั้น การเลี้ยงปูนิ่ม จึงเป็นอาชีพที่มีอนาคต

“ปูนิ่ม” คนไทยนิยมบริโภคสูงมาก มีความพิเศษคือ เป็น ปูที่ลอกคราบใหม่ กระดองเก่าถูกสลัดทิ้ง เหลือแต่เยื่อบางหุ้มตัวปู จึงบริโภคได้ทั้งตัว มีปริมาณเนื้อที่รับประทานได้มากกว่าปูกระดองแข็งมากกว่า 2 เท่า ขณะเดียวกัน ปูทะเลนิ่ม ยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย มีคอเรสตอรอล ต่ำกว่าปูกระดองแข็งครึ่งหนึ่ง รวมทั้ง ปูทุกสายพันธุ์ สามารถนำมาเลี้ยงเป็นปู นิ่มได้หมด

ที่ผ่านมา ไทยส่งออกปูทะเลนิ่มสดแช่แข็ง จำนวนกว่า 5,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่ความต้องการบริโภคในต่างประเทศสูงขึ้น รวมถึงในประเทศที่คนไทยนิยมบริโภคเพิ่มขึ้นทุกปีส่งผลให้ปริมาณการบริโภคสูงกว่าปริมาณการเลี้ยงและทำให้ราคาซื้อขายสูง อยู่ที่ 200-400 บาท ต่อกิโลกรัม

หากเกษตรกรไทย สามารถปรับมาเลี้ยงปูทะเลนิ่มแบบใหม่ตามแนวทาง สกว.วางไว้ และกรมประมงมียุทธศาสตร์ปู ส่งเสริมอย่างจริงจัง โอกาสที่คนไทยจะหันมาทำฟาร์มปูทะเลนิ่ม จะเป็นอาชีพการเกษตรที่สดใสและสร้างรายได้ดีมาก

Thailand Web Stat