เปิดเคล็ดลับ 'ทอรีกา' ดันอาหารทะเลแปรรูป สู่ตลาดโลก

โดย...ทีมข่าวธุรกิจติดดาว

ขึ้นชื่อว่าอาหารไทยแล้ว มีหลายเมนูที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังในต่างประเทศ ด้วยรสชาติถูกอกถูกใจชาวต่างชาติแล้ว ยังมีอาหารแปรรูปของไทยที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอาหารทะเลตากแห้ง เนื่องจากอาหารทะเลตากแห้งจากประเทศไทยมีคุณภาพ รวมทั้งกรรมวิธีการทำที่เรียกได้ว่า สด สะอาด ได้มาตรฐาน ทำให้ได้รับความนิยมจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศรัสเซีย

แต่กว่าที่อาหารทะเลตากแห้งจะสามารถส่งไปขายในต่างประเทศได้ต้องผ่านขั้นตอนและกรรมวิธีตรวจสอบอย่างเข้มงวด ชัชชลัยย์ สัจจะวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทอรีกา หนึ่งในผู้ส่งออกอาหารทะเลตากแห้ง เปิดเผยถึงเคล็ดลับการทำอาหารทะเลตากแห้งให้ได้รับมาตรฐานและสินค้ามีคุณภาพ ว่า อันดับแรก ต้องเริ่มจากวัตถุดิบที่นำมาตากแห้งจะต้องมีคุณภาพ คัดเลือกมาอย่างดี โดยนำวัตถุดิบในประเทศ ทั้งจากทะเลอ่าวไทย ภาคตะวันออก รวมไปถึงภาคใต้ ซึ่งวัตถุดิบทุกอย่างต้อง สด อย่างเช่น ปลาข้างเหลือง ก็ต้องสด เนื้อแน่น ไม่ใช้ปลาที่เสียแล้วมาตาก

 

เมื่อได้วัตถุดิบแล้ว ก็ต้องทำความสะอาดทุกส่วน จากนั้นจึงนำไปตากแห้ง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจอาหารทะเลตากแห้ง เพราะต้องตากแดดจัดๆ ให้แห้งสนิท ก่อนจะนำเข้าสู่กระบวนการคัดแยก ซึ่งจะนำไปเข้าห้องเย็น และคัดเลือกสินค้า ปลาที่ไม่ได้มาตรฐาน ทั้งความมันของปลา หรือปลาที่แตก หัก เนื้อไม่สวย ก็จะถูกแยกออกก่อนที่จะบรรจุและจำหน่าย

ชัชชลัยย์ กล่าวยอมรับว่า ปัญหาของการทำอาหารทะเลตากแห้งนั้น ต้องพึ่งแดดจากธรรมชาติ เพราะหากนำเข้าเครื่องอบ หรือเครื่องทำความร้อน ปลาที่ตากแห้งไว้ก็จะไม่ได้คุณภาพดีเท่าการตากแดดให้แห้งแบบธรรมชาติ แต่การตากแห้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่นำมาตากแดดธรรมดา แต่จะต้องมีกรรมวิธีการตากที่ถูกต้อง โดยเริ่มจากแผงตากต้องสะอาด และแข็งแรง แสงแดดสามารถส่องผ่านได้ทั่วถึง รวมไปถึงลานตาก ก็ต้องสะอาดด้วยเช่นกัน ซึ่งในอดีตนั้นการตากแห้ง ชาวบ้านก็จะนำมาตากในกระด้ง หรือแผงไม้ไผ่

 

แต่ในการทำธุรกิจส่งออกอาหารทะเลตากแห้ง ไม่สามารถใช้ไม้ไผ่ตากได้ เพราะไม้ไผ่มีปัญหาเรื่องการรองรับน้ำหนัก และความแข็งแรง อีกทั้งอาจมีสิ่งแปลกปลอมที่มาจากไม้ไผ่ตกหล่นมาถึงอาหารทะเลที่ตากแห้งได้ กลุ่มทอรีกา จึงเปลี่ยนลานตากและแผงตากทั้งหมดเป็นสแตนเลสทั้งหมด เพื่อให้สามารถทำความสะอาดง่าย ทนทาน และไม่มีสารเคมี หรือสิ่งแปลกปลอมเจือปน เพราะกระบวนการผลิตอาหารทะเลตากแห้งของทอรีกาทุกขั้นตอน จะไม่ใส่สารเคมี และไม่ใส่สารกันบูด 100%

ดูแล้วธุรกิจอาหารทะเลตากแห้งเหมือนจะง่าย แต่เมื่อทำจริงๆ แล้วไม่ใช่ง่ายเลย เพราะการจะได้รับมาตรฐานการส่งออกต่างประเทศนั้น มีการตรวจสอบหลายขั้นตอน ชัชชลัยย์ กล่าวว่า หากไม่ได้รับคำแนะนำเรื่องการตรวจสอบคุณภาพอาหารทะเลตากแห้ง จากทางสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ที่เข้ามาช่วยเหลือให้มีมาตรฐานสากล จนได้รับใบรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจเป็นเรื่องยากที่จะส่งออกจำหน่ายต่างประเทศจนถึงปัจจุบันได้

 

“สถาบันอาหารเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิด ที่แนะนำสิ่งดีๆ และเคล็ดลับวิธีการทำธุรกิจส่งออกให้ประสบความสำเร็จ รวมทั้งการดูแลสินค้าส่งออกให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและยังช่วยจัดหาคู่ค้าทางการตลาดให้อีกด้วย”

เมื่อได้รับคำแนะนำที่ดีประกอบกับผลิตภัณฑ์อาหารทะเลตากแห้ง มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ทำให้ปัจจุบันนี้ กลุ่มทอรีกา มียอดจำหน่ายอาหารทะเลตากแห้ง ทั้งปลาข้างเหลือง กุ้งแห้ง ฯลฯ ส่งจำหน่ายต่างประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 800 ตัน ส่วนใหญ่ คือประเทศรัสเซีย ยูเครน ญี่ปุ่น รวมไปถึงตลาดในแถบอาเซียนในอนาคต

 

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นดังกล่าว ชัชชลัยย์ มองว่า นอกจากสินค้าดีมีคุณภาพ การได้รับคำแนะนำที่ดี หลักการทำการตลาดในต่างประเทศแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ ความจริงใจกับคู่ค้า และคู่ค้าผู้ป้อนวัตถุดิบ ซึ่งต้องยอมรับว่า ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร หากมีความจริงใจและซื่อตรงกับลูกค้า ธุรกิจนั้นประสบความสำเร็จแน่นอน เช่นเดียวกับกลุ่มทอรีกา ที่ยึดถือวิธีการปฏิบัติเช่นนี้มาอย่างยาวนาน

จากเดิมที่ครอบครัวใน จ.ชุมพร เริ่มขายอาหารทะเลตากแห้งในประเทศ ดำเนินกิจการมายาวนาน จนสามารถพัฒนาอาหารทะเลตากแห้งให้สามารถส่งขายต่างประเทศได้อย่างง่ายดาย นับว่าเป็นความสำเร็จของนักธุรกิจไทย ที่คิดไอเดียดีๆ และหยิบยกนำวิธีการถนอมอาหารแบบดั้งเดิมของคนไทย คือ การตากแห้งมาพัฒนาและประยุกต์ให้ทันสมัย สามารถพัฒนาอาหารทะเลตากแห้งของไทย สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปถึงต่างประเทศได้