เรียนรู้การลงทุนในกองทุนรวม Index Fund
ในปัจจุบันนักลงทุนหน้าใหม่ตบเท้าก้าวเข้ามาในตลาดหุ้นกันมากมาย ล้วนแล้วแต่มาพร้อมกับความฝันที่จะเลือกหุ้นดีๆ เข้าพอร์ตการลงทุนของตัวเอง โดยหวังที่จะกอบโกยกำไรจากตลาดหุ้นเช่นเดียวกับเซียนหุ้นหลายๆ ท่าน แต่ในความเป็นจริงการเลือกหุ้นเข้าพอร์ตไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งหากมีการซื้อขายบ่อยครั้งเข้า นักลงทุนจะต้องเผชิญกับค่าธรรมเนียมที่สูงตามไปด้วย และบ่อยครั้งอาจทำให้นักลงทุนหน้าใหม่หันหลังให้กับตลาดหุ้นก็เป็นได้ วันนี้ผมมีหนึ่งทางเลือกในการลงทุนที่บางท่านอาจจะยังไม่คุ้นเคยนัก นั่นคือการลงทุนในกองทุนรวมดัชนี หรือ Index Fund มานำเสนอครับ
ในปัจจุบันนักลงทุนหน้าใหม่ตบเท้าก้าวเข้ามาในตลาดหุ้นกันมากมาย ล้วนแล้วแต่มาพร้อมกับความฝันที่จะเลือกหุ้นดีๆ เข้าพอร์ตการลงทุนของตัวเอง โดยหวังที่จะกอบโกยกำไรจากตลาดหุ้นเช่นเดียวกับเซียนหุ้นหลายๆ ท่าน แต่ในความเป็นจริงการเลือกหุ้นเข้าพอร์ตไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งหากมีการซื้อขายบ่อยครั้งเข้า นักลงทุนจะต้องเผชิญกับค่าธรรมเนียมที่สูงตามไปด้วย และบ่อยครั้งอาจทำให้นักลงทุนหน้าใหม่หันหลังให้กับตลาดหุ้นก็เป็นได้ วันนี้ผมมีหนึ่งทางเลือกในการลงทุนที่บางท่านอาจจะยังไม่คุ้นเคยนัก นั่นคือการลงทุนในกองทุนรวมดัชนี หรือ Index Fund มานำเสนอครับ
กองทุนรวมดัชนีคืออะไร?
กองทุนรวมดัชนี เป็นกองทุนรวมที่มีกลยุทธ์การลงทุนเชิงรับ (Passive Investment) เพื่อเลียนแบบดัชนีอ้างอิง (Benchmark) โดยเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีที่ใช้อ้างอิง ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะดัชนีหุ้นเท่านั้น อาจจะเป็นดัชนีตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ก็ได้ ในประเทศไทยนั้น ดัชนีอ้างอิงที่มักใช้กัน คือ SET50 หรือ SET100 Index เช่น กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET50 INDEX (SCBSET50) กองทุนเปิดเค เซ็ท 50 (KSET50) กองทุนเปิดทหารไทย SET50 (TMB50) เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น เมื่อเราซื้อกองทุนรวมที่เลียนแบบ SET50 Index หมายถึงเราได้ลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ใหญ่ที่สุดทั้ง 50 ตัวในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผลตอบแทนของกองทุนควรจะใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงให้มากที่สุด เช่น เมื่อผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิงอยู่ที่ 20% กองทุนที่เราลงทุนก็ควรจะให้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียง 20% และเช่นกันในทางตรงกันข้าม ถ้าผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิงนั้นติดลบ
ปัจจุบันในประเทศไทยมีกองทุนรวมดัชนีกว่า 20 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ม.ค. 2557 ที่มา : บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย))
ข้อดี
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า กองทุนรวมดัชนีมีกลยุทธ์การลงทุนเชิงรับเพื่อเลียนแบบดัชนีอ้างอิง โดยเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงดัชนีอ้างอิงให้มากที่สุด ทำให้การเข้าซื้อขายหลักทรัพย์เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และที่สำคัญ คือ ค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุนที่ต่ำ จึงทำให้โดยรวมแล้วกองทุนมีค่าใช้จ่าย (Total Expense Ratio) ที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับกองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุก (Active Investment) นอกจากนี้การลงทุนในกองทุนรวมดัชนียังเป็นทางเลือกที่ดีในการกระจายความเสี่ยงให้แก่นักลงทุน โดยเฉพาะความเสี่ยงรายตัวของบริษัท
ข้อด้อย
ข้อด้อยของการลงทุนในกองทุนรวมดัชนี คือ นักลงทุนไม่สามารถเลือกหุ้นเข้าพอร์ตการลงทุนได้ เมื่อซื้อกองทุนรวมดัชนีไปแล้ว นักลงทุนจะอยู่ในสถานะเสมือนว่าลงทุนในหุ้นทุกตัวที่กองทุนรวมดัชนีไปเลียนแบบมา หรืออีกนัยหนึ่ง คือ อาจจะมีหุ้นที่นักลงทุนไม่ชอบหรือไม่ดีรวมอยู่ในกองทุนด้วยก็เป็นได้
ค้นหากองทุนรวมดัชนีที่ใช่
ในปัจจุบันกองทุนรวมดัชนีมีมากมายให้เลือกลงทุน แต่ก่อนที่จะลงทุน นักลงทุนควรศึกษาและพิจารณาถึง 4 ปัจจัยต่อไปนี้ ซึ่งนักลงทุนสามารถตรวจสอบข้อมูลส่วนใหญ่ได้จาก www.morningstarthailand.com ครับ
1.Total Expense Ratio คือ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่กองทุนเรียกเก็บ โดยค่าใช้จ่ายของกองทุนรวมมักจะประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมการจัดการรายปี ค่าธรรมเนียมผู้ดูแลผลประโยชน์ ค่าธรรมเนียมนายทะเบียน และค่าที่ปรึกษาการลงทุน โดยที่เราควรจะหากองทุนที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก เนื่องจากจะทำให้เราได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น
2.The Initial Charge บางกองทุนรวมดัชนีอาจจะมีค่าธรรมเนียมการซื้อหน่วยลงทุน ซึ่งนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
3.Tracking Difference (TD) คือ ผลต่างของผลตอบแทนระหว่างกองทุนรวมกับดัชนีที่กองทุนใช้อ้างอิงในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น 1 ปี 3 ปี หรือ 5 ปี เป็นต้น
4.Tracking Error (TE) คือ เครื่องมือในการวัดว่ากองทุนรวมดัชนีสามารถเลียนแบบดัชนีอ้างอิงได้ใกล้เคียงเพียงใด นักลงทุนควรพิจารณากองทุนที่มีค่า TE ต่ำ เพราะตัวเลข TE ที่ต่ำหมายถึงอัตราผลตอบแทนของกองทุนมีการเบี่ยงเบนออกไปจากดัชนีอ้างอิงในอัตราที่ต่ำ แสดงว่ากองทุนนี้มีประสิทธิภาพในการเลียนแบบดัชนีอ้างอิง
กองทุนรวมดัชนีนี้เหมาะสมกับนักลงทุนที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนมากนัก หรือนักลงทุนที่ไม่มีเวลามากพอในการเลือกหุ้นรายตัว รวมไปถึงนักลงทุนที่ต้องการทางเลือกในการกระจายความเสี่ยง โดยทั่วไปแล้วกองทุนรวมดัชนีสามารถเสริมพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุนได้หลายทาง ขึ้นอยู่กับดัชนีอ้างอิงของกองทุนและเป้าหมายการลงทุนของนักลงทุน นอกจาก 4 ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น นักลงทุนจำเป็นต้องรู้จักดัชนีที่กองทุนรวมดัชนีใช้ในการเลียนแบบ วิธีการลงทุน และรายละเอียดอื่นๆ ก่อนเลือกลงทุน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมดัชนีหรือการลงทุนใดๆ นักลงทุนควรถามตัวเองว่าจุดประสงค์หรือเป้าหมายในการลงทุนของตัวเองคืออะไร ก่อนที่จะลงทุนเสมอ เพื่อวางแผนให้บรรลุเป้าหมายการลงทุนในอนาคต