"เบนซ์จีแอล350"หรูอเนกประสงค์

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

สัปดาห์นี้พบกับความหรูหราระดับพรีเมียมของรถอเนกประสงค์ (เอสยูวี) ที่เรียกได้ว่ามีขนาดใหญ่มหึมาแบบฟูลไซส์กับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอล 350 บลูเทค เอเอ็มจี พรีเมียม (GL 350 BlueTEC AMG Premuim) ที่พกพามาทั้งความหรูหราและความอเนกประสงค์เต็มพิกัด

เริ่มต้นด้วยการออกแบบภายนอกที่กล่าวไว้ข้างต้นว่ามีขนาดใหญ่มหึมาด้วยขนาด 1,850x1,934x5,120 มม. (สูงxกว้างxยาว) และระยะฐานล้อ 3,075 มม. ซึ่งมาพร้อมชุดแต่งแบบสปอร์ต เอเอ็มจี ไล่เรียงตั้งแต่กันชนหน้าไปจนกระทั่งกันชนหลังดีไซน์สปอร์ตตกแต่งด้วยโครเมียม บันไดข้างอะลูมิเนียมพร้อมไฟส่องสว่าง

อีกทั้งดิสก์เบรกหน้าและหลังพร้อมคาลิปเปอร์เบรกตกแต่งด้วยสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่จากเอเอ็มจี ขนาด 21 นิ้ว รวมทั้งราวหลังคาอะลูมิเนียม ไฟเดย์ไทม์พร้อมไฟหน้าแบบไบซีนอนปรับสูงต่ำและการเลี้ยวอัตโนมัติ โดดเด่นสะดุดตาแม้ว่าจะเป็นรถตระกูลเอสยูวี แต่เชื่อเถอะว่าขับไปไหนใครก็ต้องเหลียวมองเช่นเดียวกับรถสปอร์ต

เปิดประตูเข้ามาภายในอาจจะต้องก้าวสูงสักนิดเพื่อขึ้นรถประเภทนี้ จะพบกับความอลังการด้วยรายละเอียดภายในที่ถูกใจไปทุกกระเบียดนิ้วตามสไตล์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่จัดเต็มความหรูหราแต่แฝงไว้ด้วยความสปอร์ตพร้อมความสะดวกสบายเรียบง่ายในการใช้งาน

เป็นต้นด้วยว่า ภายในสีเบจสลับดำสลับด้วยลายไม้ให้อารมณ์หรูหราแต่สปอร์ต อุปกรณ์ต่างๆ ถูกจัดวางอย่างใส่ใจด้วยความเรียบง่ายด้วยระบบคอมมานด์ ออนไลน์ ปุ่มควบคุมการทำงานของระบบความบันเทิงที่รองรับทุกการเชื่อมต่อและระบบนำทาง รวมถึงการแสดงข้อมูลรถ พร้อมจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถเป็นกล้องแสดงภาพ 360 องศา อำนวยความสะดวกสบายขณะจอด

ไม่เท่านั้น ที่วางแก้วน้ำก็ไม่ธรรมดาด้วยการควบคุมอุณหภูมิ สามารถทำให้กาแฟร้อนยังคงร้อนได้เสมอ แม้กระทั่งน้ำอัดลมกระป๋องก็ยังเย็นได้เสมอเช่นกัน อีกทั้งไฟเรืองแสงรอบห้องโดยสารเปลี่ยนสีได้ ขณะที่เบาะที่นั่งคู่หน้า กระจกมองข้าง ตำแหน่งพวงมาลัย ปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ และที่ชอบอีกจุดหนึ่งคือ เบาะที่นั่งแถว 2 สามารถปรับพับและเลื่อนเก็บด้วยระบบไฟฟ้า ส่วนแถวที่ 3 สามารถพับเก็บขึ้น-ลงได้ด้วยระบบไฟฟ้า สะดวกสบายมากๆ

ระบบอำนวยความสะดวกสบายยังไม่หมด ด้วยระบบเปิด-ปิดฝาท้ายอัตโนมัติ ระบบช่วยปิดประตูระบบไฟฟ้า แค่เพียงปิดเบาๆ ประตูก็ถูกดูดให้ปิดอย่างสนิท อีกทั้งพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่หลังพวงมาลัย และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแยกปรับด้านหน้าและหลัง ซึ่งเมื่ออยู่ในตำแหน่งที่นั่งคนขับทัศนวิสัยในการขับขี่มองเห็นได้อย่างชัดเจนและเคลียร์

ด้านสมรรถนะมาพร้อมด้วยเครื่องยนต์ วี6 ดีเซลขนาด 3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 620 นิวตัน-เมตรที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 7.9 วินาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ซึ่งไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะหายห่วงได้เลยว่าไม่ว่าในสถานการณ์และย่านความเร็วใดขุมพลังมหาศาลของเจ้าจีแอล 350 คันนี้ตอบสนองได้เต็มประสิทธิภาพ

ขณะที่ช่วงล่างและระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มนอกเหนือจากพื้นฐานอักษรภาษาอังกฤษ 3 หลัก อาทิ ระบบป้องกันเบรกล้อล็อก (เอบีเอส) ระบบช่วยเบรก(บีเอเอส) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (เอเอสอาร์) ระบบตั้งความเร็วขณะลงเขา (ดีเอสอาร์) ระบบควบคุมการทรงตัว (อีเอสพี) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ยังมาพร้อมด้วยระบบกันสะเทือนแบบอากาศพร้อมระบบควบคุมระดับ (เอดีเอส) ระบบรักษาสมดุลของตัวถังรถเมื่อมีลมปะทะด้านข้าง สามารถช่วยให้ควบคุมการทรงตัวเมื่อเจอลมปะทะแรงจากด้านข้าง อีกทั้งระบบรักษาความสมดุลของตัวถังขณะเข้าโค้งและขับขี่แบบออฟโรด เพิ่มความมั่นใจอีกระดับที่ได้จากรถเอสยูวีฟูลไซส์ระดับพรีเมียมคันนี้

การทรงตัวและการขับขี่ถึงแม้จะเป็นรถยกสูงที่ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา แต่ด้วยความอัจฉริยะและระบบความปลอดภัยที่จัดเต็ม ซึ่งสามารถคำนวณด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์แม้จะมุดซ้ายป่ายขวาหรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนช่องทางกะทันหันก็ให้การเกาะถนนและการทรงตัวที่ดี พร้อมการซับแรงกระแทกจากช่วงล่างกันสะเทือนแบบถุงลม (แอร์เมติก) ที่นุ่มนวลและสามารถปรับระดับความสูงต่ำได้อีกด้วย

รวมถึงความแม่นยำขอพวงมาลัยที่ค่อนข้างตอบสนองดีและสามารถปรับน้ำหนักได้ตามความเร็วรถ ทำให้การควบคุมรถที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และจุดนี้คงจะลืมไม่ได้ด้วยวงเลี้ยวที่แคบมากๆ เสมือนไม่ได้รู้สึกว่าขับรถคันใหญ่ขนาดนี้เลยทีเดียว ซึ่งยังมาพร้อมด้วยระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ

สุดท้ายแล้วแทบจะไม่ต้องตัดสินใจในการเป็นเจ้าของ ถ้าหากมีค่าสินสอดเพื่อครอบครองเจ้าคันนี้ด้วยราคาค่าตัวที่ 8.99 ล้านบาท กับความคุ้มค่า หรูหรา และปลอดภัย ชนิดที่ขนานนามถึงความหรูหราและเทคโนโลยีล้ำได้เช่นเดียวกับ “เอส-คลาส” ของรถยนต์นั่งแต่เป็นรถประเภทเอสยูวีของ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอล 350” คันนี้