BMW 525d M Sport ขับเอง...แล้วจะรู้!
บีเอ็มฯ ยกทัพซีรีย์ 5 รุ่นปรับโฉมใหม่เดินทางลองขับมุ่งหน้าจากแดนอีสานสู่เมืองกรุง
บีเอ็มฯ ยกทัพซีรีย์ 5 รุ่นปรับโฉมใหม่เดินทางลองขับมุ่งหน้าจากแดนอีสานสู่เมืองกรุง
โดย ... พลพัต สาเลยยกานนท์
สัปดาห์นี้ขอพาผู้อ่านทุกท่านร่วมเดินทางระยะยาวอีกสักครั้ง ซึ่งคราวนี้เดินทางไปกับ บีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย บนเส้นทางอุดรธานี-กรุงเทพฯ ซึ่งรอบนี้ เริ่มต้นจากภาคอีสานมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงกันบ้าง ด้วยระยะทางรวมกว่า 550 กม. พร้อมกองทัพรถยนต์บีเอ็มฯ ที่ขนไปให้ได้ทดสอบกันกว่า 10 คัน ทุกรุ่นที่นำไปอยู่ในหมวดหมู่ของบีเอ็มฯ ในรุ่นซีรีส์ 5 ที่ได้มีการปรับโฉมและพัฒนาใหม่ยกแผง และแถมยังมีน้องในรุ่นเล็กอย่างบีเอ็มฯ 116i ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้มีการผลิตในประเทศไทยพ่วงตามไปอีก 2 คัน
ไล่เรียงความอลังการของซีรีส์ 5 ที่มีมาให้ได้ลองขับกันตั้งแต่ 520i, 520d, 528i Luxury, 525d M Sport, ActiveHybrid 5 M Sport รวมถึง 116i M Sport ซึ่งถ้านับมูลค่ารวมเล่นๆ แล้วละก็ ... ต้องมีเฉี่ยวๆ 20 ล้านบาทกันเลยทีเดียว รุ่นที่ “โพสต์ทูเดย์” ได้ลองขับในครั้งนี้คือ “บีเอ็มฯ 525d M Sport”
ก่อนเปิดประตูขึ้นรถได้เดินสำรวจไปรอบๆ คันถึงความหรูหราในบีเอ็มฯ รุ่นระดับกลางคันนี้ ตั้งแต่เส้นสายรายละเอียดที่มีความคมชัดเรียบหรูเป็นเอกลักษณ์ ให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนรถพุ่งทะยานไปข้างหน้าตลอดเวลา แถมยังมาพร้อมกับชุดแต่งรอบคัน M Sport ดีไซน์พิเศษพร้อมสัญลักษณ์ M อาทิ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มด้วยหนังแท้สไตล์สปอร์ต กาบบันได หลังคาภายในตกแต่ง ด้วย Anthracite ขอบหน้าต่างสีดำเงา ล้ออัลลอยลาย M แบบ Double-Spoke ขนาด 18 นิ้ว
เปิดประตูเข้ามาภายใน อลังการงานสร้างด้วยการออกแบบห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมการออกแบบดีไซน์หรูหราจัดเต็มตั้งแต่เบาะหนังแท้ Dakota เบาะนั่งฝั่งคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมระบบความจำ พร้อมตกแต่งลายไม้แบบ Fineline Anthracite ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกที่ได้อยู่บนรถคันนี้ดูเป็นส่วนตัวแบบดูอัลค็อกพิต และที่วางแขนหรือคอนโซลกลางใหญ่เบ้อเร่อ เพราะเป็นศูนย์รวมการควบคุมไว้ในจุดนี้ ดูเรียบหรูใช้งานง่าย
นอกจากนั้น เทคโนโลยีความอัจฉริยะของรถคันนี้มีเพียบพร้อมเป็นต้นด้วย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกควบคุม 2 ส่วน จอแสดงผลขนาด 10.2 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นอัจฉริยะพร้อมระบบสัมผัส iDrive ระบบแผนที่นำทาง 3 มิติ อีกทั้งจอภาพขนาด 9.2 นิ้ว 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง รวมถึงระบบเสียงไฮไฟขนาด 205 วัตต์ พร้อมลำโพง 12 ตัว ซึ่งตอบสนองทั้งเมื่อเป็นผู้ขับเอง หรือจะเป็นผู้บริหาร ที่นั่งด้านหลังก็ตาม
ด้านสมรรถนะและอารมณ์การขับขี่ มาพร้อมด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 4 สูบ 16 วาล์ว เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้าที่ 4,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตรที่ 1,500-2,500 รอบ ต่อนาที สามารถทำความเร็วสูงสุด 243 กม./ชม. อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 6.9 วินาที พร้อมเคลมไว้ว่ามีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 21.3 กม.ต่อลิตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบ 4 โหมด คือ ประหยัด ปกติ สปอร์ต สปอร์ต พลัส และระบบพวงมาลัยแบบ Servotronic รวมถึงระบบเบรกมือและระบบห้ามล้อไฟฟ้า เป็นต้น
ผลจากการลองขับและได้สัมผัสตลอดระยะทาง พบว่าอารมณ์ความรู้สึกแม้ว่าจะเป็นคนขับหรือคนนั่ง ได้ถึงความมั่นใจทุกครั้งที่เรียกกำลังในทุกย่านความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นช่วงเร่งแซงขณะขึ้นเขาลงเขาช่วงมวกเหล็ก จ.สระบุรี หรือจะเป็นช่วงรักษาความเร็วคงที่แบบเรื่อยๆ ด้านความ สนุกสนานการขับขี่ ถึงแม้จะเป็นรถที่ออกแบบมาให้ไว้รับรองผู้บริหารหรือผู้โดยสาร ด้านหลังเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่หากได้ลองมาสัมผัสในตำแหน่งผู้ควบคุมการขับขี่ จะรู้ถึงอารมณ์ความสนุกสนานและมั่นใจในการขับขี่อย่างแน่นอน
ขณะที่ทัศนวิสัยหลังพวงมาลัยชัดเจนรอบคัน และความแม่ยำของพวงมาลัยที่คมกริบที่ทำงานร่วมกับช่วงล่างที่แน่นหนึบ จะมุดซ้ายป่ายขวาหรือลดความเร็วอย่างเร่งด่วนก็สั่งได้ดั่งใจคิด ให้ความมั่นใจในทุกนาทีด้วยระบบความปลอดภัยอีกมากมาย อาทิ ระบบป้องกันเบรกล้อล็อก (ABS) ระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) เป็นต้น
ยังไม่หมดด้วยความหรูหราไฮโซที่ส่วนตัวชอบเป็นพิเศษ คือ ระบบการจัดเก็บ ข้อมูลการตั้งค่าส่วนตัวในกุญแจรีโมท ระบบปิดประตูแบบผ่อนแรงกระแทก ที่ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความหรูอีกมากมาย ซึ่งมาพร้อมด้วยราคาค่าตัวที่น่าประทับใจ 3.99 ล้านบาท