posttoday

กฏแห่งความมั่นคง

18 พฤษภาคม 2557

ทุกอย่างในโลกนี้มี “กฎ” ของตัวเองทั้งนั้น “ความมั่งคั่ง” ก็เหมือนกัน

ทุกอย่างในโลกนี้มี “กฎ” ของตัวเองทั้งนั้น “ความมั่งคั่ง” ก็เหมือนกัน

ในหนังสือ The Rules of Money ริชาร์ด เทมพลาร์ รวบรวม “กฎ” ที่จำเป็นสำหรับความมั่งคั่ง เริ่มตั้งแต่ความคิดที่อยากจะรวย ไปจนถึงกฎที่จะทำให้ความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน

ลองเริ่มจากกฎพื้นฐานที่เริ่มจาก “ความคิด” ที่จะเป็นต้นทางของความมั่งคั่งกันดูก่อนว่า มีกฎอะไรบ้างที่น่าสนใจ

กฎข้อที่ 1 : ทุกคนมีสิทธิรวย

ริชาร์ด บอกว่า ความน่ารักอย่างหนึ่งของเงิน คือ มันไม่สนใจว่าคุณจะเป็นใคร พ่อแม่รวยหรือไม่ ไม่ว่าจะ เคยทำอะไรมาไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะวันนี้เราเริ่มต้นใหม่ได้

และเงินมันก็ไม่รู้หรอกว่า ใครเป็นเจ้าของมันอยู่ มันไม่มีหู ไม่มีตา และไม่มีความรู้สึก มันมีแค่หน้าที่ทำงานให้กับคนที่เป็นเจ้าของเท่านั้น เพราะฉะนั้นทุกคนมีสิทธิรวยได้เหมือนกันหมด แถมยังรวยได้มากเท่าที่ต้องการอีกด้วย

แต่เรื่องปกติของมหาเศรษฐี คือ พวกเขามักจะไม่ปกติ พวกเขาจะมีบางอย่างที่ไม่เหมือนคนธรรมดา แต่สิ่งที่มีเหมือนกัน คือ เมื่อพูดถึงความ มั่งคั่ง พวกเขาจะกระตือรือร้น และพูดว่า “ใช่ ฉันอยากรวย”

กฎข้อที่ 2 : ออกแบบความมั่งคั่งในแบบเรา

ถ้าต้องการจะสร้างความมั่งคั่งให้ได้ต้องยอมเสียเวลานั่งลงแล้วหาคำตอบให้ได้ว่า “ความมั่งคั่ง” ในแบบของเราคืออะไร เพราะใครๆ ก็พูดได้ว่าอยากจะรวย อยากจะเป็นเศรษฐี อยากจะมีให้พอกินพอใช้ แต่อาจจะไม่เคยคิดว่า แล้วมันควรจะมีมากแค่ไหน

ความมั่งคั่งที่อยากได้จะใช้อะไรเป็นมาตรวัดก็ได้ อาจจะเป็นจำนวนรถยนต์ ราคาบ้าน จำนวนเงินในธนาคาร มูลค่าพอร์ตลงทุน หรืออะไรก็ได้ ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด เพียงแค่มีไว้ให้เป็น “เป้าหมาย” ที่จะต้องไปให้ถึง

กฎข้อที่ 3 : กำหนดเส้นทางไปสู่เป้าหมาย

ต่อเนื่องจากกฎข้อที่ 2 เมื่อได้ความมั่งคั่งในแบบของเราที่จะนำมาเป็นเป้าหมายการเดินทาง ก็ต้องทำตามกฎข้อต่อไป คือ จะไปให้ถึงเป้าหมายได้อย่างไร

ริชาร์ด บอกว่า เวลาเราจะออกเดินทางไปที่ไหนสักที่หนึ่ง เราก็จะต้องรู้ว่าจะออกจากบ้านกี่โมง จะไปถึงที่หมายตอนไหน จะใช้เส้นทางไหน แล้วเมื่อไปถึงที่นั่นแล้วเราจะทำอะไร

เส้นทางสู่ความมั่งคั่งก็เหมือนกัน ที่เราจะต้อง รู้ว่า

- ทำอย่างไรจะไปให้ถึงเป้าหมาย

- จะใช้เวลานานแค่ไหน

- ถ้ามีเงินแล้วจะทำอะไร

เขายกตัวอย่างเส้นทางเดินของเขาว่า “เป้าหมาย คือ จะเป็นเศรษฐีตอนอายุ 40 ปี โดยการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” ซึ่งเขาบอกอีกว่า มันอาจจะยากสำหรับคนที่ไม่เคยคิดอะไรแบบนี้มาก่อน

“คนทั่วไปก็มีความฝันอยากจะรวย อยากจะประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น แต่ก็มีแค่ไม่กี่คนที่รวย หรือประสบความสำเร็จได้อย่างที่ฝัน เพราะคนกลุ่มเล็กๆ นี้เขารู้ว่า เขาต้องทำอะไร ทำนานแค่ไหน และทำอย่างไร เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากจะเป็นแบบเดียวกับคนกลุ่มเล็กๆ นี้ เราก็ต้องทำแบบเดียวกัน”

และที่สำคัญ คือ คิดให้ได้... ก่อนที่จะอ่านบรรทัดถัดไป

เส้นทางและวิธีการของคุณเป็นอย่างไรบ้าง อยู่บนความเป็นจริงหรือไม่ คุณสามารถทำสิ่งนั้นได้จริงหรือไม่ และจะทำให้ประสบความสำเร็จหรือไม่

ถ้าไม่ ก็คงต้องลองคิดกันอีกรอบ

กฎข้อที่ 4 : อยากรวยต้องทำงาน

ริชาร์ด บอกว่า “คนส่วนใหญ่ขี้เกียจรวย” เพราะพวกเขาบอกว่า อยากจะรวย แต่ลึกๆ แล้วพวกเขาไม่อยากรวยจริงๆ หรอก เพราะพวกเขาไม่อยากทำงาน พวกเขาได้แต่หวังว่าวันหนึ่งจะรวย โดยเฉพาะหวังที่จะรวยเร็ว รวยลัด ซึ่งมีคนจนไม่กี่คนที่จะดวงดีแบบนั้น

นอกจากนี้ คนอีกกลุ่มที่ลงมือทำงานเพื่อหวังจะสร้างความมั่งคั่ง แต่พวกเขาก็ไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่

“เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ยากจน คือ ทำงานไม่มากพอ หรือทำผิดวิธี และหวังว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะแก้ไขได้ง่าย”

เพราะฉะนั้นคนกลุ่มนี้จะถอดใจเมื่อเจอกับปัญหายากๆ เพราะการลงมือทำอะไรเพียงนิดหน่อย แล้วหวังว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ คงจะเป็นไปได้ยาก

ในขณะที่มหาเศรษฐีระดับตำนาน เช่น บิลล์ เกตส์ วอร์เรน บัฟเฟตต์ และอีกหลายๆ คน พวกเขาทุ่มเททำงานอย่างสุดความสามารถ และพลังงานที่พวกเขาใส่ไปในเวลาหนึ่งวันอาจจะมากกว่าคนทั่วๆ ไปทำตลอดทั้งเดือนเสียอีก

กฎข้อที่ 5 : ปรับความเชื่อเรื่องเงินให้ถูกต้อง

คนแต่ละคนจะมี “ความเชื่อเรื่องเงิน” และความมั่งคั่งที่แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่เกิดมาจากการปลูกฝังตั้งแต่เรายังเล็ก อาจจะเกิดจากสิ่งที่เราเห็นพ่อแม่ทำ อาจจะเกิดจากคำพูดที่เราได้ยินตอนเด็กๆ และโดยมากมักเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เช่น

- เงินเป็นต้นเหตุของความชั่วร้าย

- คนรวยเป็นคนไม่ดี รวยเพราะโกงกิน คอร์รัปชั่น

- เราไม่มีทางรวยได้

- เงินเป็นความลับ อย่าบอกใครว่าเรามีรายได้เท่าไร เรารวยแค่ไหน

- มีเงินก็ไม่มีความสุข

- บางทีการเป็นคนจนก็ดีเหมือนกัน

- ถ้าเรารวยเราจะไม่มีเพื่อนแท้

แล้วเรามีความเชื่อเรื่องเงินแบบผิดๆ บ้างหรือไม่ เพราะความเชื่อพวกนี้จะเป็นตัวฉุดเราออกจากความรวย เพราะฉะนั้นเราต้องกำจัดความเชื่อผิดๆ พวกนี้ออกไปให้หมด แล้วใส่ความเชื่อใหม่ๆ ลงไป ได้แก่

- เงินเป็นสิ่งที่ดี

- ความอยากมีเงินเป็นสิ่งที่ดี

- ฉันกำลังจะรวย

- ฉันพร้อมที่จะทุ่มเททำงานเพื่อสร้างความมั่งคั่ง

กฎข้อที่ 6 : เงินต่อเงิน

เป็นความจริงที่คนอยากรวยต้องรู้ว่า “เงิน ต่อเงิน”

คนที่รวยแล้วยิ่งรวยได้มากขึ้นอีก เพราะเงินที่มีอยู่สามารถนำไปหาผลตอบแทนที่จะทำให้เงินงอกเงยขึ้นมาได้อีก โดยเฉพาะการงอกเงยในแบบของ “ดอกเบี้ยทบต้น” (ถ้าคิดจะร่ำรวยต้องทำความรู้จักคำนี้เอาไว้ให้ดี) ซึ่งเป็นการใช้เงินทำงาน

ขณะที่คนจนก็จะจนลงไปอีก เพราะเมื่อไม่มีเงินเหลือจากจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน ก็จะไม่มีเงินที่จะไปต่อเงินตามกฎความมั่งคั่ง

กฎข้อที่ 7 : อย่าหาเงินด้วยวิธีที่ผิด

ถ้าคิดจะรวย ต้องรวยด้วยความสุจริต ไม่คด ไม่โกง ไม่ทำผิดกฎหมาย เพราะความมั่งคั่งที่ขาวสะอาดจะทำให้เราสามารถนอนหลับได้สนิท มองหน้าตัวเองในกระจกได้อย่างภาคภูมิว่า รวยด้วยความสามารถของเรา สามารถเล่าเรื่องการสร้างฐานะให้ลูกหลานฟังได้อย่างไม่เขินอาย

ถ้าคุณรู้จักใครสักคนที่ร่ำรวยจากการทำผิดกฎหมาย ริชาร์ด แนะนำให้มองที่แววตาของเศรษฐีเหล่านั้น แล้วเราจะเห็นว่าพวกเขาไม่มีความสุข แม้ว่าพวกเขาจะกำลังหัวเราะอยู่ก็ตาม

กฎข้อที่ 8 : เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเงินกับความสุข

มีหลายอย่างในชีวิตที่ทำให้เราเป็นทุกข์ เจ็บป่วย ไม่สบาย ทำอะไรซ้ำๆ สูญเสียสิ่งที่รัก และสำหรับเรื่องเงินที่จะทำให้เป็นทุกข์ก็มีหลายอย่าง เช่น

- มีเงินน้อยเกินไปก็อาจจะเป็นทุกข์

- มีเงินมากเกินไปก็อาจจะเป็นทุกข์

- มีสมบัติมากเกินไปก็อาจจะเป็นทุกข์

- ไม่มีอะไรเลยก็อาจจะเป็นทุกข์

เราจะได้ยินบ่อยๆ ว่า เงินกับความสุขเป็นคนละเรื่องกัน หรือไม่ก็เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้ ริชาร์ด บอกว่า นี่คือความเข้าใจแบบผิดๆ เพราะ...

เราอาจจะเป็นคนจนที่มีความสุข หรือเราอาจะเป็นคนรวยที่มีความสุข

ในทางกลับกันเราอาจจะเป็นคนจนที่มีความทุกข์ หรือเป็นคนรวยที่มีความทุกข์ก็ได้

เพราะฉะนั้นถ้าเราคิดว่า ถ้ามีความมั่งคั่งแล้วจะทำให้เรามีความสุข เราอาจจะผิดหวังก็ได้ แต่ถ้าเราคิดว่า เมื่อเรามีความมั่งคั่งแล้วจะทำให้เราดูดีขึ้น มีอำนาจมากขึ้น เราก็อาจจะผิดหวังได้เหมือนกัน เพราะเงินไม่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นให้เราได้ แม้ว่าเราจะรู้สึกว่าเงินทำให้เราดูดี มีอำนาจ แต่ในสายตาคนอื่นอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้น

ในมุมมองของ ริชาร์ด เงินเป็น “ยาหลอก” ไม่ใช่ “การรักษา” เพราะเราเห็นมามากแล้วที่คนถูกลอตเตอรี่ ซื้อบ้านหลังใหญ่โต แต่ก็ไม่ได้ทำให้มีความสุข

เพราะฉะนั้น อย่าคาดหวังกับเงินให้มากนัก และอย่าซื้อสิ่งของมากมาย โดยหวังว่ามันจะทำให้เรามีความสุข เพราะมันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง

เมื่อเราทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเงินกับความสุขได้แล้ว เราจะรวยได้อย่างมีความสุข

กฎข้อที่ 9 : อย่าอิจฉาเมื่อเห็นคนอื่น มั่งมี

ในกฎข้อที่ 2 ที่เราออกแบบความมั่งคั่งในแบบของเรา มันต้องเป็นความมั่งคั่งของเราจริงๆ ไม่เลียนแบบ ไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น และที่สำคัญในกฎข้อนี้ คือ อย่าอิจฉาในสิ่งที่คนอื่นมี ไม่ต้องอยากได้ หรืออยากมีเหมือนคนอื่น โดยเฉพาะคนที่ร่ำรวยจากความบังเอิญ รวยเพราะถูกลอตเตอรี่ รวยเพราะมรดก หรือรวยเพราะแต่งงานกับคนรวย เพราะความบังเอิญแบบนี้ไม่ได้เกิดกับทุกคน

แต่สิ่งที่เกิดกับทุกคนได้ คือ รวยจากการทำงาน

เพราะฉะนั้นเมื่อเรามองคนรวย เรามองด้วยสายตาขี้อิจฉาไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไร ไม่ได้ทำให้เรารวยขึ้นมาได้ แต่จะเป็นประโยชน์มากกว่า ถ้าเรามองอย่างเรียนรู้ และใช้คนรวยเหล่านั้นเป็นแรงบันดาลใจ

สิ่งที่คนอยากรวยต้องทำ คือ ไปศึกษามหาเศรษฐีที่เป็นแรงบันดาลใจของเราว่า เขาคิดอย่างไร เขาทำอะไร เขาทำอย่างไร เขาทำมากแค่ไหน เขาทำนานแค่ไหน

กฎข้อที่ 10 : บริหารตัวเองยากกว่าบริหารเงิน

ริชาร์ด บอกว่า เราทุกคนอาจจะคิดว่าเรารู้จักตัวเราเองดีที่สุดว่าตัวเราเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่เรารู้มันอาจจะไม่จริงก็ได้

เราจะรู้จักตัวเองจริงๆ เมื่อถึงเวลาที่เราพยายามจะเลิกบุหรี่ พยายามจะลดน้ำหนัก พยายามจะออกกำลังกาย และพยายามจะรวย เพราะเราจะรู้ว่า จริงๆ แล้วเราขี้เกียจกว่าที่เรารู้ เราไม่ได้มีจิตใจที่เข้มแข็งอย่างที่เราคิด เราไม่ได้มีความพยายามอย่างที่เราพูดสักนิด และเราก็ล้มเลิกความตั้งใจแบบง่ายๆ เพียงแค่เจออุปสรรคเล็กน้อยเท่านั้น

เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเดินหน้าสร้างความมั่งคั่ง ถามตัวเองให้แน่ใจก่อนว่า...

- รู้แล้วหรือยังว่าจะทำอย่างไรให้รวย

- มีความตั้งใจมากแค่ไหน

- มีความพยายามมากพอหรือไม่

- มีความอดทนมากพอหรือไม่

เพราะถ้ายังไม่เปลี่ยนตัวเอง ก็ไม่มีทางที่ชีวิตจะประสบความสำเร็จ

การสร้างความมั่งคั่ง เป็นทักษะที่เรียนรู้ได้ ถ้าเต็มใจจะเรียนรู้และนำมาปฏิบัติอย่างสุดความสามารถ

และถ้ายังไม่สามารถทำตามกฏข้อนี้ได้ให้กลับไปอ่านกฏข้อที่ 1 อีกครั้ง

Thailand Web Stat