ขนมหวานผลไม้แช่แข็ง 'ไทยริช' สยายปีกยึดตลาดอาเซียน
ผลไม้ไทยหลากหลายชนิด ทั้งมังคุด ลำไย ลิ้นจี่ เงาะ สามารถนำมาแปรรูปสร้างมูลค่าเป็นขนมหวานสำเร็จรูปแช่แข็ง
โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน
ผลไม้ไทยหลากหลายชนิด ทั้งมังคุด ลำไย ลิ้นจี่ เงาะ สามารถนำมาแปรรูปสร้างมูลค่าเป็นขนมหวานสำเร็จรูปแช่แข็ง ให้รสชาติหวานกลมกล่อมกับแบรนด์ “ไทยริช” ที่สร้างผลไม้ไทยที่มีอยู่จำนวนมากในประเทศมาเพิ่มมูลค่าและเป็นสินค้าได้หลากหลายชนิด และช่วยแก้ปัญหาผลไม้ไทยล้นตลาดได้ และสามารถผลิตสู่ลูกค้าได้รับประทานผลไม้ไทยตลอดปี
“ตะวัน บุญฤทธิ์ลักขณา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยริชฟูดส์ กรุ๊ป เจ้าของแบรนด์ขนมหวานและผลไม้แปรรูป “ไทยริช” ได้เริ่มทำธุรกิจขนมมาประมาณ 10 ปี เริ่มจากขนมบัวลอยงาดำ เพราะเห็นโอกาสของตลาดขนมหวานไทยที่ยังไม่มีขนมบัวลอยงาดำ และสนใจทำส่งร้านอาหาร โดยร้านอาหารแรกที่ได้ทำส่ง คือ ร้านอาหารบัว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก จึงเชื่อมั่นว่าสามารถรุกไปเจาะร้านอาหารอื่นๆ ในประเทศ
หลังจากนั้นได้เพิ่มเมนูขนมหวาน ทั้งทับทิม ลอดช่อง ลูกตาลลอยแก้ว สละลอยแก้ว เป็นต้น ชูจุดเด่นด้านขนมหวานเพื่อสุขภาพ ให้รสชาติหวานน้อย มุ่งผลิตให้ได้มาตรฐาน ทำให้ร้านอาหารดังในประเทศหันมาสั่งซื้อสินค้าของบริษัท ในปัจจุบันมีเมนูขนมหวานมากกว่า 30 รายการ ทั้งกลุ่มขนมหวานและผลไม้แปรรูป ซึ่งการลงทุนระยะแรกใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 5.5 ล้านบาท มาจากเงินลงทุนส่วนตัวและกู้เงินจากธนาคาร มีโรงงานผลิตสินค้าอยู่ที่รังสิตคลอง 11 จ.ปทุมธานี ในปัจจุบันใช้เงินลงทุนรวมมากกว่า 20 ล้านบาท มีพนักงานรวม 40 คน จากจุดเริ่มต้นเพียง 2 คนที่ช่วยสร้างธุรกิจ
ในปัจจุบันมีกำลังการผลิตกว่า 4,000 กิโลกรัม/วัน หรือประมาณวันละ 1 หมื่นถ้วย และ 3,000-4,000 ถุง โดยตลาดหลักอยู่ในประเทศ ทั้งร้านอาหารเอ็มเค สุกี้ และร้านบาร์บีคิว พลาซ่า และห้างค้าปลีกต่างๆ รวมทั้งได้เริ่มส่งออกไปต่างประเทศแล้ว เช่น ญี่ปุ่น ซึ่งในปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศ 20% ในประเทศ 80% ส่วนเมนูยอดนิยมที่ลูกค้าต่างชาติชื่นชอบอันดับ 1.ทับทิมกรอบ 2.ลอดช่องน้ำกะทิ และ 3.บัวลอย ส่วนผลไม้แช่แข็งลอยแก้ว อันดับ 1.ลูกตาลลอยแก้ว และ 2.สละลอยแก้ว
แผนงานปีนี้สนใจเปิดตลาดใหม่ในอาเซียนบวก 3 เพราะตลาดมีขนาดใหญ่ และคนอาเซียนรู้จักผลไม้ไทย มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารคล้ายกับประเทศไทย โดยบริษัทได้ทำการสำรวจและวิจัยกลุ่มลูกค้าในอาเซียนแล้วพบว่า ลูกค้าสิงคโปร์และอินโดนีเซียจะชอบทับทิมกรอบ ลอดช่องน้ำกะทิ เวียดนาม ลาว กัมพูชา และพม่า (กลุ่มซีแอลเอ็มวี) จะชอบสละลอยแก้ว ส่วนจีนและญี่ปุ่นชอบมังคุด เงาะ ลิ้นจี่ และลำไยลอยแก้ว นอกจากนี้ลูกค้าในอาเซียนเมื่อได้รับประทานขนมหวานไทยก็ต่างชื่นชอบขนมหวานไทยมาก
พร้อมกันนี้จะมุ่งขยายตลาดส่งออกในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เน้นเจาะตลาดร้านอาหารไทยในต่างประเทศที่มีจำนวนมากกว่า 1 หมื่นแห่งทั่วโลก พบว่าร้านอาหารไทยในต่างประเทศลูกค้าชื่นชอบสั่งขนมหวานไทย ขณะเดียวกันการผลิตขนมหวานไทยในประเทศโดยใช้วัตถุดิบไทยแท้ทั้งหมดจึงให้รสชาติที่ดี อีกทั้งการผลิตในต่างประเทศจะมีปัญหาเรื่องวัตถุดิบ เครื่องปรุงและรสชาติต่างๆ
โดยการขยายตลาดต่างประเทศจะมุ่งไปร่วมงานแสดงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ลูกค้าในต่างประเทศรู้จัก และที่ผ่านมามีลูกค้ารายใหญ่จากสหรัฐและยุโรปที่รู้จักบริษัท เพราะได้ไปออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ
“รุ่งโรจน์ บุญฤทธิ์ลักขณา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยริชฟูดส์ กรุ๊ป ที่เป็นทั้งคู่ชีวิตและร่วมทำธุรกิจด้วยกัน กล่าวว่า มีแผนเปิดตัวขนมรสชาติใหม่ปีละ 2 รายการ พร้อมกับมุ่งขยายกลุ่มผลไม้นำมาแปรรูปเป็นขนมหวานมากขึ้น เพราะผลไม้ไทยมีจุดแข็งที่มีความหลากหลาย ให้รสชาติดี และลูกค้าต่างชาติก็นิยมผลไม้ไทย
“ผมเรียนจบด้านวิศวะ ส่วนคุณตะวันเรียนจบนิเทศศาสตร์ เราสองคนเริ่มจากไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเราต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง วิธีการทำ การขนส่ง ทุกอย่างมาจากความตั้งใจ มุ่งมั่น ไม่ถอดใจ ผมขอชื่นชมคุณตะวันที่ไม่เคยย่อท้อ เคยถูกร้านอาหารรายใหญ่ปฏิเสธหลายครั้งก็ไม่หมดหวัง พยายามทำให้ไทยริชเข้าร้านอาหารแบรนด์ใหญ่ของประเทศได้ ผมเชื่อคำนี้เลยว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ผมพิสูจน์มาแล้วว่าทำได้จริง”
แผนงานของบริษัทต่อจากนี้ จะมุ่งแปรรูปผลไม้ไทยให้มีหลากชนิดยิ่งขึ้น โดยในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าจะลงทุน 30 ล้านบาท โรงงานใหม่ 30 ล้านบาท อยู่ที่รังสิตคลอง 12 ผลิตผลไม้ไทยอบแห้ง พร้อมกับรุกเข้าไปทำตลาดในประเทศจีน รวมถึงประเทศในอาเซียน และประเทศต่างๆ ทั่วโลก เชื่อมั่นว่าเมื่อมีการเปิดเออีซีแล้ว รายได้จากการส่งออกจะอยู่ที่ 40% และในประเทศ 60% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% และรักษาความเป็นผู้นำในตลาดขนมหวานสำเร็จรูปแช่แข็งของไทยต่อไป