แห่ใช้บริการธุรกิจกำจัดนก
ลดความเสี่ยงภาคอุตสาหกรรมการผลิตเล็งขยายลูกค้ากลุ่มที่อยู่อาศัยคอนโด
ลดความเสี่ยงภาคอุตสาหกรรมการผลิตเล็งขยายลูกค้ากลุ่มที่อยู่อาศัยคอนโด
ธุรกิจป้องกันนกรุ่งผู้ประกอบการลดเสี่ยงธุรกิจเสียหายก่อนส่งออก พร้อมขยายกลุ่มคอนโด รับตลาดบริการรวม 100 ล้านบาทโต 40%
นายพีระพงษ์ ศิริบูรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอคเซป เอ็นไรรอนเมนท์ ผู้ให้บริการธุรกิจ “ป้องกันนก” เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าของธุรกิจรวมถึงผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศ หันมาให้ความสำคัญในการติดตั้งเครื่องมือป้องกันนก เพื่อป้องกันความเสียหายต่อธุรกิจ โดยเฉพาะภาคการส่งออกมากขึ้น จากปัจจุบันพบว่าปัญหานกในโรงงานผลิตสินค้า สร้างความเสียหายให้ธุรกิจเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20-25%
ทั้งนี้ ปัญหานกเข้ามาอยู่อาศัยทำรังในโรงงานต่างๆ ซึ่งหากไม่ได้รับการป้องกันอย่างถูกวิธีจะสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจมหาศาล เช่น ในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ หากพบว่ามีขี้นกตกใส่รถยนต์หนึ่งคันก่อนรอการส่งออก รถคันนั้นจะต้องถูกนำกลับมาทำสีใหม่ทันที หรือเปลี่ยนหลังคา หรือตัวถังรถใหม่หมดทำให้ต้นทุนการผลิตต่อคันเพิ่มขึ้นอีก30-40% เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังรวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตอาหารเพื่อส่งออก โดยเฉพาะในญี่ปุ่นซึ่งมีมาตรฐานการนำเข้าสินค้าและมีระบบคัดกรองความสะอาดและปลอดภัยของสินค้าที่สูง ซึ่งหากตรวจพบสินค้าอาหารนำเข้าจากแหล่งประเทศใดก็ตามมีการปนเปื้อนของนก สินค้าทั้งล็อตจะถูกตีกลับประเทศผู้ผลิตทันที ถือเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจที่ต้องป้องกัน
สำหรับบริษัทให้บริการป้องกันนกครบวงจรภายใต้แนวคิดชีวอนามัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีผลิตภัณฑ์ 3 รูปแบบ คือ 1.บริการติดตั้งเครื่องมือสเตนเลสปลายแหลมเพื่อป้องกันนกเข้ามาอยู่อาศัย 2.งานติดตั้งตาข่าย ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อป้องกันนก และ 3.งานบริการทาสีเส้นใยไล่นก โดยคิดอัตราค่าบริการเริ่มต้นตั้งแต่ 6,000 บาทถึงหลักล้านบาท
นายพีระพงษ์ กล่าวว่า บริษัทวางแผนขยายกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดมิเนียม จากโอกาสการเกิดใหม่ของโครงการที่มีจำนวนห้องหรือยูนิตปีละไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นยูนิตใหม่ และพบว่ามีสัดส่วนราว 30% ที่ซื้อห้องชุดเพื่อเก็งกำไรไม่ได้อาศัยกลายเป็นห้องว่างและเป็นที่อยู่อาศัยของนก ทำให้ห้องชุดนั้นๆ มีสภาพทรุดโทรม นอกจากนี้บริการยังครอบคลุมที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ เช่น ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว เป็นต้น
โดยวางเป้าหมายลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มสัดส่วนเป็น 20-25% ภายในปี 2558 จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 45% โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทราว 70% เป็นลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ที่หันมาให้ความสำคัญกับสุขลักษณะภายในบริเวณสถานที่ต่างๆ มากขึ้น
ทั้งนี้ จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ปัจจุบันเริ่มมีผู้ให้บริการใหม่ๆ เข้ามาให้บริการในตลาดป้องกันนกมากขึ้น โดยปัจจุบันคาดว่าธุรกิจป้องกันนกมีมูลค่าตลาดรวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และเติบโตกว่า 30-40% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยซึ่งจากการปรับแผนการทำธุรกิจ และขยายสัดส่วนกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่อยู่อาศัย บริษัทวางเป้าหมายรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 20-30 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 35%