ฟาร์มโชคชัยขยายไลเซนส์
เปิดรับพันธมิตรบริหารร้านอืมม!..มิลค์เร่งเครื่องบุกตลาดในและต่างประเทศ
เปิดรับพันธมิตรบริหารร้านอืมม!..มิลค์เร่งเครื่องบุกตลาดในและต่างประเทศ
ฟาร์มโชคชัยชูโมเดล25 ขายลิขสิทธิ์การทำตลาดแบรนด์ “อืมม!..มิลค์” นำร่องขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ
นายโชค บูลกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย ผู้ดำเนินธุรกิจปศุสัตว์ การท่องเที่ยว และค้าปลีกผลิตภัณฑ์นมแบรนด์อืมม!..มิลค์ (Umm!..Milk) เปิดเผยว่า บริษัทจะใช้แบรนด์อืมม!..มิลค์ เป็นเรือธงขยายธุรกิจค้าปลีก โดยอยู่ระหว่างวางระบบขยายธุรกิจสาขาร้านดังกล่าวรูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ “โมเดล ทเวนตีไฟว์” (Model25) โดยจะขายลิขสิทธิ์ (ไลเซนส์) การทำตลาดร้านให้กับพันธมิตรธุรกิจทั้งในและต่างประเทศที่สนใจทำธุรกิจที่ตกลงกับบริษัทจำนวน 25 สาขา/1 สัญญา
สำหรับงบลงทุนธุรกิจร้านแบรนด์ดังกล่าวทั้ง 25 สาขา อยู่ระหว่างสรุปรายละเอียดและข้อกฎหมายการขยายธุรกิจในลักษณะไลเซนส์ ซึ่งมีความแตกต่างไปจากการขยายธุรกิจสาขาในลักษณะแฟรนไชส์ ซึ่งเหมาะกับผู้ลงทุนธุรกิจที่ไม่ต้องการหาผลิตภัณฑ์แบรนด์ใหม่ แต่สามารถเริ่มต้นธุรกิจพร้อมดูแลกิจการของตัวเองได้ในแต่ละภูมิภาคของประเทศ รวมถึงในภูมิภาคอาเซียน จากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปลายปี 2558 ด้วย
“การขยายธุรกิจแบรนด์ดังกล่าวให้กับผู้สนใจลงทุนครั้งละ 25 สาขานั้น เพราะเป็นโมเดลที่ฟาร์มโชคชัยพัฒนาขึ้นมาในช่วง 56 ปีที่ผ่านมา จึงมีประสบการณ์ตรงและความเชี่ยวชาญที่จะบอกกับพันธมิตรได้ว่าจะต้องใช้ต้นทุน หรือระยะเวลาช่วงไหนในการขยายตลาดหรือจำนวนสาขาเท่าใด ซึ่งเบื้องต้นคาดใช้งบลงทุนทั้ง 25 สาขา คาดอยู่ที่ประมาณ 3040 ล้านบาท” นายโชค กล่าว
ขณะเดียวกันโมเดลธุรกิจแบรนด์ดังกล่าวยังเพื่อรองรับการขยายธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มบริษัทที่จะเข้าสู่เออีซีในอนาคตด้วย ซึ่งมีโอกาสขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ ลาว เป็นต้น จากจุดเด่นวัตถุดิบน้ำนมวัวระดับคุณภาพสูง (พรีเมียม) ซึ่งแตกต่างไปจากผลิตภัณฑ์นมที่มาจากประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยในช่วงที่ผ่านมากลุ่มบริษัทได้มีการส่งออกโคนมไปยังประเทศพม่าและมาเลเซีย ในรูปแบบให้คำปรึกษาแก่ภาครัฐด้านอุตสาหกรรมโคนม
ปัจจุบันกลุ่มบริษัทแบ่งออกเป็น 13 หน่วยธุรกิจ (บียู) โดยรายได้หลัก 3035% มาจากธุรกิจเกษตร สัดส่วน 3035% มาจากธุรกิจท่องเที่ยว และอีกเกือบ 30% มาจากธุรกิจอาหาร โดยในปีนี้คาดมีรายได้รวมราว 2,000 ล้านบาท และจากความคลี่คลายทางการเมือง คาดธุรกิจค้าปลีกในไตรมาส 4 จะเติบโต 1215% และทั้งปีเติบโตเฉลี่ย 5%