สั่งสำรองหนี้เน่าตามยี่ห้อรถ

24 กันยายน 2557

ธปท.ระบุเพิ่มตามความเสี่ยงราคามือสองรุ่นไม่ฮิตแบงก์ยิ่งต้องกันเงินมากขึ้น

ธปท.ระบุเพิ่มตามความเสี่ยงราคามือสองรุ่นไม่ฮิตแบงก์ยิ่งต้องกันเงินมากขึ้น

ธปท.สั่งแบงก์กันสำรองหนี้เสียเช่าซื้อรถยนต์ตามยี่ห้อรถ เพราะมีความเสี่ยงไม่เท่ากัน

นายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (ลีสซิ่ง) ยังคงชะลอตัวลงแต่ไม่ถึงขั้นส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ เพราะธนาคารปล่อยสินเชื่อหลายประเภท สินเชื่อโดยรวมจึงไม่ได้หดตัวรุนแรง

“ช่วงนี้ก็ยอมรับว่า สินเชื่อรถยนต์ในระบบแบงก์ชะลอลงมาบ้าง แต่ไม่ได้มากจนน่าห่วง ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในสินเชื่อรถยนต์ก็ไม่น่าจะเพิ่มมากแล้ว มีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นด้วย เชื่อว่าในระยะต่อไป สินเชื่อในกลุ่มสินเชื่อเพื่อการบริโภคน่าจะทยอยดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจ” นายรณดล กล่าว

สำหรับการดูแลความเสี่ยงของสินเชื่อรถยนต์นั้น ธปท.จะให้ธนาคารกันสำรองหนี้เสียเพิ่มตามความเสี่ยงที่สูงขึ้นระหว่างรถยนต์ป้ายแดงและรถยนต์มือสอง เช่น รถยนต์ที่ได้รับความนิยมในตลาด เช่น ฮอนด้าหรือโตโยต้า ราคาขายมือสองเปลี่ยนแปลงน้อย อาจจะกันสำรองหนี้ไม่สูง แต่หากเป็นรถยนต์ที่ตลาดไม่นิยมราคารถมือสองจะตกลงมาก เช่น มาสด้า ที่จะให้สำรองหนี้เสียสูงกว่า

“แต่โดยหลักจะให้กันสำรองเผื่อไว้ครึ่งหนึ่ง หรือ 50% ของวงเงินกู้ เช่น หากราคาขายรถยนต์ถ้าขายได้ราคา 50% ก็จะให้กันสำรอง 50% แต่ถ้าขายได้ 40% ก็จะให้กันสำรอง 60% เป็นต้น” นายรณดล กล่าว

นอกจากนี้ ในการกันสำรองหนี้เสียตามความเสี่ยงยังต้องแยกตามประเภทรถในแต่ละแหล่งด้วย เช่น รถใหม่มือหนึ่งใน กทม. รถใหม่มือหนึ่งในต่างจังหวัด รถมือสองใน กทม. และรถมือสองในต่างจังหวัด ต้องแยกตามความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เพราะแต่ละตลาดและลูกค้าในแต่ละกลุ่มก็ไม่เหมือนกัน

“ช่วงนี้เท่าที่ดูเจ้าหนี้ทั้งธนาคารและลีสซิ่งก็ไม่ได้ตั้งใจจะยึดรถยนต์ เพราะมีการเจรจากับลูกหนี้อยู่พอสมควร ถ้ายึดรถมาขายต่อเพื่อนำเงินมาปิดบัญชีชำระหนี้ หากราคาตกก็อาจจะขาดทุนมาก ถ้ายังคุยกับลูกหนี้ได้แบงก์ก็ไม่ค่อยจะยึดรถอยู่แล้ว ส่วนการดูแลความเสี่ยงก็เป็นการดูแลตามปกติ” นายรณดล กล่าว

ทั้งนี้ จากการติดตามหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อลีสซิ่ง โดยเฉพาะสินเชื่อในโครงการรถยนต์คันแรกที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นเอ็นพีแอลสูง มีการทิ้งรถยนต์จำนวนมาก ปรากฏว่าหนี้เสียไม่ได้สูง เพราะผู้ซื้อได้ภาษีคืนคันละแสนบาทสามารถนำมาผ่อนรถยนต์ต่อได้ ขณะที่ธนาคารก็ไม่ต้องการยึดรถ

สำหรับข้อมูล ธปท.ล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีนี้ พบว่า ทั้งระบบธนาคารพาณิชย์มียอดสินเชื่อคงค้างแยกตามประเภทธุรกิจ 12.45 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 12.42 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำวนนี้แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์ในไตรมาส 2 นี้ 8.83 แสนล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรกที่มี 8.9 แสนล้านบาท ขณะนี้เอ็นพีแอลสินเชื่อรวมในระบบอยู่ที่ 2.3% ของสินเชื่อรวมคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ส่วนเอ็นพีแอลของสินเชื่อรถยนต์ทั้งระบบหดตัว 1.2% ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.5%

Thailand Web Stat