ขนส่งทางบกรับมือเออีซีขยายบริการ-รุกสินค้าข้ามแดน

30 กันยายน 2557

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินมูลค่าตลาดขนส่งสินค้าทางบกในไทยปีนี้ว่า อยู่ที่ 2.39–2.42 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4–3.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีมูลค่า 2.33 แสนล้านบาท ปัจจัยที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต คือ เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศขยายตัวตามการค้าชายแดนที่สูงขึ้น ขณะที่ไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางขนส่งทางถนนในอาเซียน เพราะมีพรมแดนติดกับประเทศในอาเซียนถึง 4 ประเทศ แม้ทิศทางของธุรกิจจะดีเช่นนี้ แต่ผู้ประกอบการไทยก็ยังประมาทไม่ได้ กับการที่จะต้องรับมือกับคู่แข่งต่างชาติที่มองเห็นโอกาสตลาดเข้ามาในไทยเช่นกัน

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินมูลค่าตลาดขนส่งสินค้าทางบกในไทยปีนี้ว่า อยู่ที่ 2.39–2.42 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4–3.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีมูลค่า 2.33 แสนล้านบาท ปัจจัยที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต คือ เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศขยายตัวตามการค้าชายแดนที่สูงขึ้น ขณะที่ไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางขนส่งทางถนนในอาเซียน เพราะมีพรมแดนติดกับประเทศในอาเซียนถึง 4 ประเทศ แม้ทิศทางของธุรกิจจะดีเช่นนี้ แต่ผู้ประกอบการไทยก็ยังประมาทไม่ได้ กับการที่จะต้องรับมือกับคู่แข่งต่างชาติที่มองเห็นโอกาสตลาดเข้ามาในไทยเช่นกัน

พิเชตพล ทองชัชวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมชาย ทรานสปอร์ต โลจิสติกส์ ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางบกภายใต้แบรนด์ นอร์ทสตาร์ โลจิสติกส์ เปิดเผยว่า ปลายปีหน้าไทยก็จะเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เต็มตัวแล้ว แต่บริษัทไทยที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ และพร้อมขยายธุรกิจขนส่งจากไทยข้ามไปยังประเทศในอาเซียนน่าจะมีเพียง 10 บริษัทเท่านั้น ขณะที่บริษัทข้ามชาติที่ให้บริการขนส่งสินค้าทางบกเข้ามาทำธุรกิจในไทยนานแล้ว เช่น ดีเอชแอล ซีว่า ลินฟ็อก และเชื่อว่าหลังจากนี้คงจะมีมาอีกต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริษัทจากญี่ปุ่นเพื่อรองรับเออีซี ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางบกของไทยต้องรีบปรับตัวเพื่อให้แข่งขันกับบริษัทข้ามชาติได้ โดยเฉพาะปรับปรุงวิธีการบริหารงานให้ทันสมัยและเป็นสากลมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทจึงวางกลยุทธ์รับมือการแข่งขันด้วยการเน้นขยายตลาดขนส่งสินค้าข้ามแดนมากขึ้น ที่ผ่านมาขยายไปแล้วที่พม่า กัมพูชา และลาว อนาคตวางแผนขยายไปยังสิงคโปร์ เวียดนาม และจีนด้วย ส่วนอินโดนีเซียเป็นอีกตลาดที่บริษัทสนใจอยู่

“กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่น่าสนใจขยายตลาดมากที่สุดคือ พม่า เนื่องจากประชากรมาก เพิ่งเปิดประเทศไม่นาน เป็นเมืองท่องเที่ยว จึงมีธุรกิจต่างๆ สนใจไปลงทุนมาก ทำให้ธุรกิจขนส่งทางบกมีโอกาสขยายตัวตามไปด้วย” พิเชตพล กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการตลาด เช่น การรับบริหารคลังสินค้า การบริหารจัดการการขนส่งให้กับบริษัทที่มีรถขนส่งอยู่แล้ว แต่ต้องการเปลี่ยนมาจ้างบริษัทภายนอก (เอาต์ซอร์ส) แทน เพื่อลดต้นทุนแทนการดำเนินการเองทั้งหมด และยังมีแผนใช้งบไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ลงทุนซื้อตู้บรรทุกสินค้าควบคุมอุณหภูมิ เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าประเภทของสดที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ เจาะตลาดร้านอาหารต่างๆ ที่ขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดหรือประเทศเพื่อนบ้าน และต้องการเอาต์ซอร์ส

“บริษัทจะชูจุดแข็งในเรื่องมีศูนย์กลางรวบรวมสินค้าควบคุมอุณหภูมิของลูกค้าหลายๆ เจ้า เพื่อขนส่งไปด้วยรถคันเดียวกัน ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนได้มาก แทนที่แต่ละบริษัทต้องลงทุนขนส่งเอง โดยอาจมีสินค้าไม่เต็มตู้ ไม่คุ้มเงินลงทุน อย่างไรก็ตามจะเริ่มลงทุนตู้ควบคุมอุณหภูมิเมื่อได้ลูกค้ากลุ่มนี้แน่นอนแล้ว” พิเชตพล กล่าว

สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15% จากปีก่อน เป็นการปรับลดเป้าหมายแล้วให้สอดคล้องผลกระทบจากปัญหาการเมืองช่วงที่ผ่านมา จากเดิมเคยวางเป้าหมายเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยปัจจัยที่จะทำให้ธุรกิจยังเติบโตได้มาจากบริษัทประมูลงานขนส่งทางบกให้กับบริษัทค้าปลีกและบริษัทผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ได้มากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้น เป็นผลดีต่อด้านการส่งออกสินค้า ขณะที่ปัญหาการเมืองในประเทศคลี่คลาย มีรัฐบาลใหม่ ซึ่งอาจมีโครงการอะไรออกมาช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศให้ดีขึ้นได้อีก ล้วนส่งเสริมให้ธุรกิจขนส่งสินค้าทางบกเติบโตได้

ด้าน วัชรพล สุขโหตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมชาย ทรานสปอร์ต โลจิสติกส์ กล่าวว่า ตลาดการขนส่งสินค้าทางบกให้กับกลุ่มค้าปลีกน่าจะฟื้นตัวตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นไป หลังจากหดตัวไปตามกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงช่วงที่ผ่านมา

“หลังช่วงเข้าพรรษาความสนใจของผู้บริโภคเริ่มเพิ่มขึ้น สะท้อนได้จากเริ่มมียอดขนส่งสินค้าหมุนเวียนสูงขึ้น จนผลประกอบการของบริษัทกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนที่จะมีปัญหาการเมืองจนธุรกิจชะลอตัวได้” วัชรพล กล่าว

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับภาคพื้นครบวงจร กล่าวว่า ตลาดขนส่งสินค้าทางบกในไทยเริ่มอิ่มตัว โอกาสเติบโตจำกัด แต่พม่า กัมพูชา ลาว มีโอกาสขยายอีก เพราะผู้ประกอบการโลจิสติกส์ท้องถิ่นไม่มีรายไหนที่ทำแบบครบวงจร จึงวางแผนเจาะตลาด โดย 5 ปีจากนี้จะใช้เงินลงทุนปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เชื่อมโยงเครือข่ายโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมทุกประเทศในอาเซียน ระยะแรกจะเริ่มขยายบริการโลจิสติกส์ไปยังพม่า กัมพูชา และลาวก่อน เน้นบริการโลจิสติกส์ให้อุตสาหกรรมอาหารและอาหารแช่แข็ง ระยะต่อไปจึงจับตลาดโลจิสติกส์สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และยานยนต์ แล้วจึงขยายฐานการให้บริการต่อที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม ส่วนเป้าหมายรายได้ปีนี้ตั้งเป้า 2,900 ล้านบาท เพิ่ม 3540% จากปีก่อน

เมื่อการขยายธุรกิจไทยไปประเทศเพื่อนบ้านมีมากขึ้น ธุรกิจขนส่งสินค้าทางบกไทยต้องเร่งปรับกลยุทธ์รองรับเพื่อคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้ ก่อนที่จะโดนบริษัทข้ามชาติมาแย่งชิ้นเค้กนี้ไปครอบครอง

Thailand Web Stat