โรงจำนำรัฐพลิกโฉม ขายทรัพย์ผ่านออนไลน์

14 เมษายน 2558

โดย...ชีวารัตน์ กิจนภาธนพงศ์

โดย...ชีวารัตน์ กิจนภาธนพงศ์

วันที่ 29 เม.ย.นี้ สำนักงานธนานุเคราะห์ หรือโรงรับจำนำของรัฐ จะครบรอบ 60 ปี และจะมีการปรับโฉมครั้งใหญ่ เพื่อความทันสมัยและเป็นผู้นำตลาด ด้านอัตราดอกเบี้ยที่ถูก สนองนโยบายรัฐบาลที่ก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ภายใต้ภารกิจสำคัญ คือเป็นที่พึ่งของประชาชนที่มีรายได้น้อยและผู้ประสบปัญหาเฉพาะหน้าด้านการเงิน ด้วยการบริการที่ทันสมัย สะดวกรวดเร็ว และมีธรรมาธิบาล

มานะ เกลี้ยงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ หรือโรงรับจำนำของรัฐ เปิดเผยว่า นโยบายการบริหารโรงรับจำนำของรัฐ จะต้องมีการบริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพ บริหารจัดการความเสี่ยง การรักษาสภาพคล่องด้านการเงิน การเพิ่มรายได้และการควบคุมรายจ่าย การพัฒนาระบบควบคุมภายใน และตรวจสอบภายในให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิการบริหารจัดการและบริการประชาชน

ทั้งนี้ เพื่อให้บริการการแก้ปัญหาด้านการเงินแก่ผู้มีรายได้น้อยอย่างทั่วถึง ปีนี้โรงรับจำนำของรัฐ มีแผนจะขยายสาขาในส่วนภูมิภาคเพิ่ม 2 แห่ง คือ ที่ จ.ระยอง และลำพูน จากปัจจุบันที่มี 34 สาขา รวมทั้งยังคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยรับจำนำที่ถูกที่สุด เทียบกับโรงรับจำนำทั่วไป เพื่อร่วมแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่ประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง

ขณะเดียวกัน มีการปรับปรุงกระบวนการรับจำนำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น การใช้เครื่องสแกนนิ้วมือ แทนการพิมพ์ลายนิ้วมือ การติดตั้งเครื่องอ่านบัตรประชาชน การนำระบบบาร์โค้ดมาจัดเก็บสินทรัพย์รับจำนำ เพื่อความปลอดภัยสินทรัพย์ของลูกค้า

นอกจากนี้ มีการเพิ่มช่องทางการให้บริการแบบใหม่ เช่น การพัฒนาระบบจำหน่ายทรัพย์หลุดจำนำออนไลน์ การทำระบบอีแค็ตตาล็อก เพื่อสนับสนุนการจำหน่ายทรัพย์หลุดจำนำ การจัดรถโมบายเคลื่อนที่รับจำนำ หรือตั้งโรงรับจำนำในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น รวมทั้งปรับปรุงช่องทางการส่งดอกเบี้ยทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือให้ลูกค้าจ่ายดอกเบี้ยได้ทุกสำนักงาน จากเดิมที่ส่งได้เฉพาะสำนักงานที่จำนำสินทรัพย์

ขณะเดียวกัน โรงรับจำนำของรัฐมีนโยบายที่จะปรับสัดส่วนการรับจำนำ จากเดิมที่เน้นรับจำนำทองกว่า 90% โดยจะเพิ่มการรับจำนำสินทรัพย์เบ็ดเตล็ดมากขึ้นเป็น 20% จากเดิม 10% เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะแบรนด์เนมชื่อดัง เช่น นาฬิกาโรเล็กซ์ นาฬิกาปาเต๊ะ กระเป๋ายี่ห้อ โค้ช แอร์เมส เป็นต้น

สำหรับสินทรัพย์เทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น โทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ก ที่ราคาตกลงเร็วมาก ปกติหากลูกค้าไม่มาต่อดอกเบี้ยหรือขาดส่งดอกเบี้ย 5 เดือน สินทรัพยจะหลุดจำนำและตกรุ่น ขายไม่ได้ โรงรับจำนำขาดทุน

ด้านการบริหารความเสี่ยงสินค้ากลุ่มนี้ รวมทั้งทองคำที่ราคาผันผวนและมีแนวโน้มลดลงนั้น เนื่องจากลูกค้ามักจะไม่มาไถ่ถอนสินทรัพย์คืน โรงรับจำนำจึงต้องเร่งขายสินทรัพย์ออกให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ขาดทุน และหาช่องทางจำหน่ายสินทรัพย์ให้ถึงมือผู้ที่ต้องการสินทรัพย์นั้นจริงๆ เพื่อให้ได้ราคามากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักโรงรับจำนำ และไม่กล้ามาใช้บริการ แต่จะหันไปใช้บัตรกดเงินสดแทน และอนาคตจะมีนาโนไฟแนนซ์เกิดขึ้นมาเป็นคู่แข่งสำคัญของโรงรับจำนำ ขณะที่ทองคำนั้น ประชาชนจะหันไปฝากทองไว้ที่ร้านขายทอง แม้ว่าดอกเบี้ยจะสูงกว่าโรงรับจำนำกว่าเท่าตัว

ดังนั้น โรงรับจำนำของรัฐจำเป็นจะต้องมีการปรับปรุงทั้งภาพลักษณ์ และการนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้โรงรับจำนำเป็นที่พึ่งสำหรับประชาชนที่มีรายได้น้อยจริงๆ ต่อไปได้

Thailand Web Stat