posttoday

'พรชัย ตั้งจริยาภรณ์' เทรดเดอร์รายวันที่ต้องปิดความเสี่ยง

14 สิงหาคม 2558

“พรชัย ตั้งจริยาภรณ์” หรือ “บิ๊ก” ผู้ชนะโครงการซูเปอร์ เทรดเดอร์ ไทยแลนด์ ครั้งที่ 1 ได้รับเงินรางวัล  1 ล้านบาท ทว่ารูปแบบการลงทุนหรือการเริ่มต้นชีวิตเทรดเดอร์ของผู้ชายอายุ 25 ปีคนนี้ มีความน่าสนใจไม่น้อย

“พรชัย ตั้งจริยาภรณ์” หรือ “บิ๊ก” ผู้ชนะโครงการซูเปอร์ เทรดเดอร์ ไทยแลนด์ ครั้งที่ 1 ได้รับเงินรางวัล  1 ล้านบาท ทว่ารูปแบบการลงทุนหรือการเริ่มต้นชีวิตเทรดเดอร์ของผู้ชายอายุ 25 ปีคนนี้ มีความน่าสนใจไม่น้อย

“บิ๊ก” ลงสนามตลาดหุ้นครั้งแรกจากคำแนะนำของพี่ชายที่นับถือ ที่เขาเริ่มรู้จักตั้งแต่ทำงานขับรถมอเตอร์ไซค์ส่งเค้กไอศกรีม จนย้ายมาทำงานด้วยกันที่โรงงานเฟอร์นิเจอร์และมีเหตุต้องออกจากงาน จึงตัดสินใจนำเงินก้อนสุดท้ายของแต่ละคนมาเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นด้วยกัน เพราะพี่เขามีประสบการณ์ลงทุนหุ้นบ้าง รวมเงินทั้งหมด 3 แสนบาท ของพี่ 2 แสนบาท และของบิ๊กเอง 1 แสนบาท

เริ่มต้นจากไม่มีความรู้อะไรเลย ทำได้เพียงเทรดตามพี่เขาไปเท่านั้น อาศัยประสบการณ์เรียนรู้หน้างาน และทุกเย็นต้องมาช่วยกันหาข้อผิดพลาดจากการเทรดแต่ละวัน พวกเขาโชคดีที่ดัชนีหุ้นตอนนั้นเป็นขาขึ้นไปแตะที่กว่า 1,600 จุด ไม่ว่าจะเลือกตัวไหนที่มีมูลค่าหรือปริมาณขายหุ้นมาก ก็ได้ผลตอบรับที่ดีจนมูลค่าพอร์ตไปแตะที่หลักกว่า 1 ล้านบาทภายในเวลาเกือบ 1 เดือน

เขาบอกว่า ตอนนั้นซื้อขายรายวัน 5-10 ตัว แบบไม่มีหลักการ เมื่อพอร์ตใหญ่ขึ้นมูลค่าที่จะเทรดต่อครั้งก็เริ่มมากขึ้น แต่ดัชนีเริ่มไซต์เวย์ หุ้นที่เข้าไปทุกวันก็ขายตัดขาดทุนไปเรื่อยๆ จนเริ่มกินต้นทุนเรื่อยๆ พอดีตอนนั้นมีโครงการซูเปอร์ เทรดเดอร์ขึ้นมา จึงสนใจสมัครพร้อมกับพี่ที่สนิทด้วย โดยมีจุดประสงค์ตอนแรก คือ ต้องการอบรมและร่วมสัมมนาเพื่อเอาความรู้เฉยๆ กับกูรูทางเทคนิคหลายคน เพราะแค่นำเงินที่มีอยู่ไปเปิดพอร์ตกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก 1 แสนบาท แต่ถ้าไปสมัครเรียนตามคอร์สอบรมต่างๆ โดยเฉพาะอบรมทางเทคนิค จะมีค่าใช้จ่ายรวมที่แพงกว่านี้

เมื่อเริ่มแข่งขัน เขาตั้งเป้าต้องเทรดรายวันให้ได้ระดับเดียวกับเงินเดือนล่าสุดที่ออกจากงาน 4 หมื่นบาท หรือต้องเทรดให้ได้ 2,000 บาท/วัน และผ่านรอบแรกจากผู้สมัคร 1,000 คน เหลือ 128 คน มีกำไรจากพอร์ต 38% หรือประมาณ 3.8 หมื่นบาท พอรอบน็อกเอาต์แบ่งเป็น 4 ทีม เขาก็สามารถชนะน็อกเอาต์ทุกสัปดาห์ และกลายเป็นผู้ชนะในทีม จนเข้าสู่รอบ 6 คนสุดท้าย ที่ค่อยๆ เทรดตามโจทย์แต่ละสัปดาห์ เช่น ต้องเทรดหุ้นใน SET50 ตราสารอนุพันธ์ (TFEX) หรือใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) จนเหลือ 3 คนสุดท้าย และ “บิ๊ก” มีมูลค่าเงินเหลือในพอร์ตมากที่สุด มีกำไรจากการลงทุน 5 หมื่นบาท หรือประมาณ 50% จากเงินต้นที่ 1 แสนบาท (แต่ละรอบต้องล้างพอร์ต)

หลังจบการแข่งขันเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เขาจัดพอร์ตลงทุนตัวเองใหม่ ปัจจุบันอยู่ที่ 1 ล้านบาทต้นๆ แบ่งสำหรับเทรดรายวัน 6 แสนบาท ไว้สร้างสภาพคล่องเงินสดให้เกิดขึ้น และอีก 4 แสนบาท เป็นการซื้อขายระยะยาวเพื่อบริหารความเสี่ยงของพอร์ต และอีกประมาณ 1 แสนบาทฝากธนาคาร เพื่อสำรองใช้ยามฉุกเฉิน โดยมีเป้าหมายว่าอายุ 30 ปี หรือในอีก 5 ปี  มูลค่าพอร์ตโดยรวมเติบโตเป็น 5 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสำรองใช้ฉุกเฉินประมาณ 1 ล้านบาท สำหรับเทรดระยะสั้น 1 ล้านบาท และเงินที่เทรดระยะยาวอยู่ที่ 3-4 ล้านบาท

ปัจจุบันเขาเป็นเทรดเดอร์อิสระที่ต้องมีการซื้อขายหุ้นทุกวัน แต่ต้องเป็นวันที่เขามีอุปกรณ์พร้อมดูเส้นกราฟเทคนิคได้ แต่ถ้าวันไหนไม่พร้อมก็จะไม่เข้าไปยุ่งให้กวนใจ ตอนนี้เขาเพิ่งเริ่มต้นเดินทางการลงทุนหุ้น เพียงแต่โชคดีที่ประสบความสำเร็จบันไดขั้นหนึ่ง แต่ก็ยังขอพิสูจน์ตัวเองมากกว่านี้ สิ่งสำคัญคือ ต้องฝึกจิตใจให้อดทนต่อความไม่โลภ และมีวินัยที่จะปิดความเสี่ยงขาดทุนของตัวเอง จึงอยากชวนผู้สนใจร่วมสมัครโครงการ 2 โดยปิดรับสมัครวันที่ 18 ก.ย.นี้

Thailand Web Stat