ทรูมูฟคว้าสิทธิ ขายบีทส์ผู้เดียวในไทย
"บีสท์ บาย ดร.เดร" ถูกทรูมูฟคว้าสิทธิในการจัดจำหน่ายรายเดียวในไทย เพิ่มสีสันในตลาดแกดเจ็ตให้มีการเติบโตมากขึ้น
โดย...ณัฏฐ์ธยาน์ สุทธิเจริญ
หูฟังชื่อดังสัญชาติอเมริกัน บีสท์ บาย ดร.เดร ถูกทรูมูฟคว้าสิทธิในการจัดจำหน่ายรายเดียวในไทย เพิ่มสีสันในตลาดแกดเจ็ตให้มีการเติบโตมากขึ้น
กิตติณัฐ ทีคะวรรณ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ธุรกิจโมบายล์และผู้อำนวยการบริหารธุรกิจรีเทล บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ปัจจุบันหูฟังในกลุ่มพรีเมียมนั้น บีทส์ บาย ดร.เดร (Beats by Dr.Dre) เป็นผู้นำตลาดใน 25 ประเทศทั่วโลกและติดอันดับท็อปไฟว์ในตลาดเอเชียแปซิฟิกถึง 4 รุ่น
“บีสท์ บาย ดร.เดร ถือว่าเป็นสินค้าในกลุ่มไลฟ์สไตล์สำหรับลูกค้าที่มีความต้องการด้านการฟังเพลงที่โดดเด่น เพราะถือว่าเป็นหูฟังระดับโลกที่มีคุณสมบัติพิเศษด้านลำโพงที่ยอดนิยมมากในต่างประเทศ ราคาสินค้าก็เรียกได้ว่าครอบคลุมเกือบทุกกลุ่มอายุและสาขาอาชีพ ไม่จำกัดแค่กลุ่มแฟชั่น กีฬา และเอนเตอร์เทนเมนต์ เท่านั้น”กิตติณัฐ กล่าว
ขณะเดียวกันจากเทรนด์การรับชมคอนเทนต์ประเภทเพลงและวิดีโอของคนไทยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการรับชมวิดีโอผ่านทางโซเชียลมีเดียเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ผลิตคอนเทนต์ต่างก็ต้องการสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ ประเภทวิดีโอ หนัง และเพลง ออกมาเพื่อตอบสนองผู้ชมมากขึ้น ทำให้จำนวนคอนเทนต์ประเภทคลิปวิดีโอมีมากกว่าคอนเทนต์ประเภทตัวอักษร
ทั้งนี้ จากการใช้งานออนไลน์ของลูกค้าทรูมูฟที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เห็นว่าความนิยมในเรื่องคอนเทนต์ประเภททีวีและวิดีโอของคนไทยที่มีอย่างไม่จำกัด ฝ่ายผลิตเองก็ต้องเร่งหาคอนเทนต์ที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองการรับชมและสินค้าที่สอดคล้องกันจะเพิ่มอรรถรสในการใช้งานเทคโนโลยีให้มากขึ้น
ปัจจุบันตลาดหูฟังพรีเมียมที่มีราคา 8,000-9,000 บาทขึ้นไป มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 500-600 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วบีทส์ทำส่วนแบ่งได้ 20% หลังจากร่วมมือครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 30% ขณะที่ระดับราคาสินค้าจะเริ่มต้นที่ 4,400-1.63 หมื่นบาท
ธีรศักดิ์ อรุณเริ่มวัฒนะ ผู้อำนวยการ กลุ่มด้านการสื่อสารเพื่อการสร้างแบรนด์และบริหารสื่อโฆษณา บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าที่บริษัทวางไว้นั้น จะเป็นการตอบสนองคนทุกกลุ่ม เพราะดนตรีเป็นคอนเทนต์ที่เข้าถึงทุกกลุ่ม
“จากการสำรวจข้อมูลสินค้าในกลุ่มหูฟังพบว่า หูฟังแต่ละแบรนด์จะใช้งบตลาดไม่เกิน 20 ล้านบาท/แบรนด์ แต่ทางทรูฯ จะใช้งบการตลาดสำหรับหูฟังบีสท์จนถึงสิ้นปี 2559 ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เพื่อสร้างคอนเทนต์ในช่องทางต่างๆ ของทรูฯ โดยบริษัทได้รับสิทธิได้การจำหน่ายสินค้ากลุ่มนี้แบบปีต่อปี”
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับสิทธิในการสื่อสารการตลาดร่วมกันระหว่างหูฟังบีสท์และไอโฟน 6เอส เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ดีมากขึ้นด้วย เริ่มจากหูฟัง 2 รุ่นของบีสท์กับไอโฟน 6เอส ก่อน คาดว่ารุ่นอื่นๆ ก็เป็นหนึ่งในโรดแมปที่จะทำเช่นกัน โดยจะมีจำนวนสีของหูฟังแบบเดียวกับเครื่องไอโฟนเลยและยังใช้รับสายได้ด้วย
กลยุทธ์อีกอย่างคือ การจัดโปรโมชั่นควบคู่ไปกับลูกค้าไอโฟน โดยลูกค้าที่ซื้อเครื่องใช้แพ็กเกจของทรูฯ จะได้รับส่วนลดเพิ่มเติม หรือหากเป็นลูกค้าบัตรแบล็กการ์ดและเรดการ์ดจะสามารถผ่อนชำระได้ในราคาพิเศษ ซึ่งการทำโปรโมชั่นแบบนี้ยังมีอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงใช้กลยุทธ์เดียวกับทางบีสท์ที่ทำในต่างประเทศด้วย