posttoday

คนซื้อรถระทมปรับโครงสร้างภาษีใหม่รถยนต์

30 พฤศจิกายน 2558

คนซื้อ-ค่ายรถอ่วมผลจากภาษีสรรพสามิตใหม่ทำให้ราคาพุ่งทันที 8,000-2 แสน

คนซื้อ-ค่ายรถอ่วมผลจากภาษีสรรพสามิตใหม่ทำให้ราคาพุ่งทันที 8,000-2 แสน

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2559 การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จะเปลี่ยนจากเก็บภาษีตามความจุกระบอกสูบ มาเป็นการเก็บภาษีตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งจะส่งผลให้การเสียภาษีรถยนต์ใหม่มีทั้งลดลง เท่าเดิม และเพิ่มขึ้น โดยรถยนต์ที่จะต้องเสียภาษีเพิ่ม ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มรถกระบะและรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ เฉลี่ย 8,000-2 แสนบาทเศษ

นายสมชาย ชี้แจงว่า ถ้าหากคิดจากฐานราคารถยนต์ที่ซื้อขายกันในปัจจุบัน รถกระบะปิกอัพและสเปซแค็บถ้ามีการปล่อย CO2 เกิน 200 กรัม/กม. จะเสียภาษีเพิ่มจากเดิม 3% เป็น 5% หรือจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นเฉลี่ยคันละ 8,000-1.5 หมื่นบาท เพราะส่วนใหญ่มีการปล่อย CO2 เกินกว่ากำหนดทั้งสิ้น

ขณะที่รถกระบะดับเบิ้ลแค็บนั้นน่าจะเสียภาษีเพิ่มจากเดิม 12% เป็น 15% หรือตกประมาณคันละ 2.5-3 หมื่นบาท เนื่องจากส่วนใหญ่ปล่อยก๊าซ CO2 เกินกว่ากำหนด

นอกจากนี้ กลุ่มรถยนต์กระบะดัดแปลงหรือพีพีวี ที่เคยเสียภาษีอัตรา 20% ได้มีการปรับภาษีขึ้นจากเดิมเพราะถือเป็นรถยนต์นั่งโดยสารไม่ใช่รถเพื่อใช้ในการพาณิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะปล่อย CO2 เกินกว่ากำหนดเพราะเป็นเครื่องยนต์เดียวกับรถกระบะ ทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 25-30% หรือตกคันละ 7 หมื่น-1.9 แสนบาท

อย่างไรก็ตาม กลุ่มรถยนต์นั่งหรือรถเก๋งขนาดเล็กและขนาดกลางจะเสียภาษีเท่าเดิม เพราะเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1800 ซีซี แต่รถที่มีขนาดเครื่องยนต์ 1800 ซีซี จะปล่อย CO2 เกิน 150 กรัม/กม. ทำให้เสียภาษีเพิ่มเป็น 35-40% หรือเสียภาษีเพิ่มขึ้นคันละ 6 หมื่น-2.3 แสนบาท

สำหรับรถเก๋งเครื่องยนต์ผสมไฟฟ้า หรือรถไฮบริดหากปล่อยCO2 เกินกว่ากำหนดจะเสียภาษีเพิ่มเป็น 20-25% หรือเสียภาษีเพิ่มคันละ 7 หมื่น-4.8 แสนบาท

นายสมชาย กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ปี 2558 ผู้ประกอบการคาดว่าจะขายรถยนต์ในประเทศได้กว่า 7 แสนคัน ส่งออก 1.2 ล้านคัน ขณะที่ในปีหน้าคาดว่าตลาดรถยนต์ภายในประเทศฟื้นตัวเล็กน้อยมียอดขายรวม 8 แสนคัน และส่งออก 1.2 ล้านคัน

ด้าน นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า โครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่จะทำให้ผู้บริโภคเร่งตัดสินใจซื้อในสิ้นปีนี้ ก่อนที่รถจะขึ้นราคา โดยในไตรมาส 1/2559 กำลังซื้อจะชะลอตัวอย่างรุนแรง แต่จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 2