‘วัลลภ’ เขยสยามแก๊ส สร้างอาณาจักรค้าส่ง-รร.

04 ธันวาคม 2558

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

วิสัยทัศน์ในการทำงานสำหรับการเข้ามาดูแลธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก และธุรกิจโรงแรม หลังจากการเป็นลูกเขยของตระกูล “วีรบวรพงศ์” แห่งสยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ สำหรับ วัลลภ กมลวิศิษฎ์ คือการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและทำงานให้เป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายดั่งที่ตั้งใจ และพยายามทำทุกอย่างอย่างดีที่สุด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้

วัลลภ กมลวิศิษฎ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พรหมมหาราช พัฒนาที่ดิน ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกค้าส่งและค้าปลีกโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ เปิดเผยว่า ได้เข้ามาดูแลธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก มีด้วยกัน 4 แห่ง ได้แก่ เจ้าของโครงการโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ มหานาค และโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ รังสิต เมก้า พลาซ่า วังบูรพา และศูนย์การค้าเดอะพาลาเดียม

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจโรงแรมอีก 2 แห่ง คือ โรงแรมเบอร์เคลีย์ประตูน้ำ และโรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ ซึ่งเป้าหมายของวัลลภ คือ ต้องการสร้างธุรกิจทั้งหมด 6 แห่ง เพื่อก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจในแต่ละด้าน

เริ่มจาก โบ๊เบ๊ทาวเวอร์ มหานาค และโรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ ที่ปัจจุบันเป็นแหล่งค้าส่ง โรงแรมที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ถือเป็นธุรกิจที่ติดลมบนอยู่แล้ว ไม่น่าเป็นห่วง ดังนั้นภารกิจที่เป็นความท้าทาย คือการผลักดันธุรกิจที่เหลือ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

หลังจากวางเป้าหมายชัดเจนแล้ว สิ่งแรกที่ดำเนินการคือ การวางโพซิชันนิ่งของธุรกิจให้มีความชัดเจนก่อน อย่างเช่น เมก้า พลาซ่าวังบูรพา วางตำแหน่งเป็นศูนย์การค้าของเล่นและอุปกรณ์ถ่ายรูป ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นศูนย์ที่จำหน่ายสินค้าทั่วไป อาทิ เกม ผ้า แต่หลังจากที่กลุ่มผู้ค้าสะพานเหล็กต้องย้ายที่ขายของใหม่ ถือเป็นความโชคดีของบริษัท เพราะกลุ่มผู้ค้าสะพานเหล็กเข้ามาเติมเต็มศูนย์ฯ ได้อย่างลงตัว

ปัจจุบัน เมก้า พลาซ่า จึงกลายเป็นสวรรค์แห่งการช็อปปิ้งของเล่นเด็กไปแล้ว โดยมีร้านค้าจากสะพานเหล็กเข้ามาเปิดให้บริการเต็มพื้นที่ 100% หรือราว 800 ร้านค้า จากเดิมมีเพียง 500 ร้านค้าเท่านั้น การหมุนเวียนเข้ามาในศูนย์การค้าเริ่มดีขึ้น ซึ่งจุดนี้ถือว่ามีพอใจกับการทำงาน

ในส่วนของศูนย์การค้าเดอะพาลาเดียม ย่านประตูน้ำ ที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพราะทำเลที่ตั้งมีศักยภาพสูงมาก ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทยอยปรับปรุงให้มีโพซิชันนิ่งที่ชัดเจน โดยวางเป้าหมายเป็นศูนย์การค้าไอทีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยภายใน 3-5 ปีข้างหน้า

“แนวทางธุรกิจที่เจ้าพ่อสยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ ‘วรวิทย์ วีรบวรพงศ์’ ได้ให้ไว้ หากจะทำธุรกิจต้องลงมือทำด้วยตัวเอง ลุยเอง อย่าพึ่งลูกน้องหรือพนักงานในบริษัททำอย่างเดียว อย่าฟังลูกน้องอย่างเดียว โดยที่เรายังไม่รู้ถึงปัญหาที่แท้จริง การลงมือเองทำให้เราจะได้รับรู้ถึงปัญหาที่แท้จริงและแก้ไขได้ทัน ส่วนจะสามารถแก้ได้หรือไม่นั้นไม่สำคัญ ต้องเรียนรู้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง”

โจทย์ใหญ่ของวัลลภในการปัดฝุ่นพาลาเดียมในครั้งนี้ คือ ทำอย่างไรให้ลูกค้าเมื่อตัดสินใจมาเช่าพื้นที่ภายในศูนย์แล้ว ต้องทำให้ผู้ที่มาลงทุนขายสินค้าได้ดีที่สุดดังนั้นจึงต้องบริหารงานเพื่อสร้างการรับรู้อย่างเต็มที่ และดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาช็อปปิ้ง ซึ่งเชื่อมั่นว่าด้วยจุดเด่นของพาลาเดียม เวิลด์ ช็อปปิ้ง ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์สี่แยกประตูน้ำ บริเวณหัวมุมระหว่างถนนเพชรบุรีตัดใหม่กับราชปรารภ เดินทางเข้าถึงได้อย่างสะดวกจะสามารถเติบโตได้ไม่ยาก

ขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มอิออนเพื่อให้เข้ามาเปิดบริการภายในศูนย์ในปี 2560 บนพื้นที่ 1.5 หมื่น ตร.ม. ซึ่งจะกลายมาเป็นอีกแม่เหล็กสำคัญของศูนย์การค้าพาลาเดียม รวมทั้งยังวางเป้าหมายให้พาลาเดียมเป็นแหล่งจัดงานกิจกรรม เพื่อสร้างรายได้เข้าศูนย์อีกทางหนึ่งและจะทำให้อยู่รอดได้

นอกจากการมีพาลาเดียมเป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่แล้ว ยังมีโรงแรมในเครือของบริษัท เดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ สามารถรองรับได้ถึง 788 ห้อง พร้อมจะเปิดให้บริการสำหรับผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวและต้องการมาช็อปปิ้งในย่านนี้ รวมทั้งรองรับตลาดไมซ์ จัดประชุมสัมมนาอีกด้วย

“หากจะสร้างธุรกิจต้องการเป็นเบอร์ 1 ในตลาดที่เราลงทุน นั่นคือเป้าหมายของผมที่วางไว้สร้างธุรกิจค้าปลีกและอสังหาฯ ให้แข็งแกร่ง และจะทำหน้าที่การบริหารงานให้ดีที่สุด และจะไม่มีทางที่ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน อย่างตลาดไอทีในปัจจุบัน แม้ว่าจะไม่ได้คึกคักมากนัก แต่ก็ยังเดินหน้าต่อไปได้ เพราะสินค้าไอทีกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันและกลายเป็นสินค้าแฟชั่นไปแล้ว นอกจากนี้ ไลฟ์ไทม์สินค้าก็สั้นลง ผู้บริโภคเปลี่ยนสินค้าในมือบ่อยและเร็วขึ้น เราจึงมองเห็นโอกาสเติบโต”

การปรับโฉมศูนย์การค้าพาลาเดียม โดยเพิ่มกลุ่มไอทีเข้ามาเป็นจุดแข็งของศูนย์ฯ จะผลักดันให้มีรายได้จาก 300-400 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ เพิ่มเป็น 100% หรือในปี 2559 มีรายได้ 600 ล้านบาท ส่วนปี 2560 สู่รายได้กว่า 1,000 ล้านบาท

ขณะที่โบ๊เบ๊ รังสิต นั้น ปัจจุบันยังไม่มีการทำตลาดอย่างเต็มที่ และจากแผนที่วางไว้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปลายปีนี้

ความท้าทายของเจเนอเรชั่นที่ 2 ของตระกูล “วีรบวรพงศ์” คือการปลุกปั้นพาลาเดียมและโบ๊เบ๊ รังสิต ให้แจ้งเกิดก่อน และในอนาคตอาจเห็นโบ๊เบ๊ครบทุก 4 มุมเมืองจากผู้บริหารหนุ่มไฟแรง “วัลลภ กมลวิศิษฎ์” ก็เป็นได้

Thailand Web Stat