posttoday

ฟันบล.เออีซี กรณีชูวงศ์ ปรับ1.1ล้าน-'อุรชา'ถูกพัก10ปี

24 ธันวาคม 2558

ก.ล.ต.เชือดบล.เออีซี พร้อมลงโทษเจ้าหน้าที่เอี่ยวโอนหุ้นเสี่ยดัง ปรับ1.1ล้าน ส่วน 'อุรชา'ถูกพัก10ปี ด้าน ผู้บริหารโต้ระบบได้มาตรฐาน

ก.ล.ต.เชือดบล.เออีซี พร้อมลงโทษเจ้าหน้าที่เอี่ยวโอนหุ้นเสี่ยดัง ปรับ1.1ล้าน ส่วน 'อุรชา'ถูกพัก10ปี  ด้าน ผู้บริหารโต้ระบบได้มาตรฐาน

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดแถลงข่าวผลสรุปการตรวจสอบบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เออีซี (AEC) ในกรณีที่เกี่ยวเนื่องกับคดีการโอนหุ้นของนายชูวงศ์ แซ่ตั๊ง ภายหลังได้ดำเนินการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว

นางปะราลี สุคนธมาน ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ตรวจสอบพบว่า บล.เออีซีมีความบกพร่อง 3 ระบบงาน ถูกเปรียบเทียบความผิด 1.10 ล้านบาท ตามเกณฑ์ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 3 แสนบาท และอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาท
 
นอกจากนี้ ได้ลงโทษผู้บริหารและผู้แนะนำการลงทุนของ บล. เออีซี 3 ราย คือ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล เพิกถอนการให้ความเห็นชอบ 10 ปี นายนัฐพล เฉลิมพจน์ พักการให้ความเห็นชอบ 6 เดือน และ น.ส.พัชรีย์ ธัชธำรงชัย พักการให้ความเห็นชอบ 1 เดือน ส่วนผู้บริหารหลักคือ นายธาดา จันทร์ประสิทธิ์ (ควบคุมดูแลงานด้านแบ็กออฟฟิศ)และนายพิสิทธิ์ ปทุมบาล  (ควบคุมงานด้านฟรอนต์ออฟฟิศ) ทั้งสองละเลยการตรวจสอบดูแลและสั่งการให้มีการดำเนินการใดๆ เพื่อแก้ไขและปฏิบัติให้ถูกต้อง จะเสนอคณะกรรมการเปรียบเทียบพักการให้ความเห็นชอบบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 6 เดือน และไม่สามารถบริหารงาน เป็นที่ปรึกษาและการปฏิบัติงานอื่นๆ ที่อยู่ในขอบเขตธุรกิจตลาดทุน

สำหรับความผิดเรื่องลักทรัพย์หรือไม่นั้น นางปะราลี กล่าวว่า ก.ล.ต.ไม่สามารถสรุปได้ว่าความผิดของพนักงานเจ้าหน้าที่การตลาดเป็นการลักทรัพย์หรือไม่ เนื่องจากหน้าที่ของ ก.ล.ต.มีขอบเขตดูแลการตรวจสอบระบบงานของโบรกเกอร์และบุคลากรในตลาดทุนเท่านั้น ขณะที่ความผิดลักทรัพย์เป็นหน้าที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และที่ผ่านมาได้มีการประสานงานต่อเนื่องในประเด็นที่ตำรวจต้องการข้อมูล

ขณะที่ผลการตรวจสอบโบรกเกอร์รายอื่นที่เกี่ยวข้องนั้น บล.อาร์เอสบีตรวจสอบแล้วไม่พบการกระทำความผิดแต่อย่างใด

นายประพล มิลินทจินดา ประธานกรรมการบริหาร บล.เออีซี โบรกเกอร์น้องใหม่ กล่าวว่า ผลตรวจสอบของ ก.ล.ต.ที่ออกมาไม่กระทบต่อชื่อเสียงและธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด โดยยืนยันว่าระบบงานของบริษัทมีมาตรฐานที่ดีเพียงพอ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากความบกพร่องต่อหน้าที่และการทำงานของบุคลากร รวมถึงผู้บริหาร ซึ่งกรณีผู้บริหารพบว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสมรู้ร่วมคิด หรือฉ้อโกงลูกค้า อย่างไรก็ดีผู้บริหารทั้งสองรายมีสิทธิในการขออุทธรณ์ตามเกณฑ์ ส่วนบริษัทจะให้ผู้บริหารทำงานต่อหรือไม่ จะพิจารณาภายหลังจากจบการพักงานก่อน

"เรื่องระบบงานภายในบริษัทคงไม่ต้องมีการปรับปรุงใหม่ เพราะยืนยันว่าดีอยู่แล้ว แต่ต้นปีหน้าก็มีแผนที่จะเรียกความเชื่อมั่นในการปรับลุคและแบรนด์ของบริษัทใหม่ ส่วนความผิดครั้งนี้ผมขอน้อมรับ" นายประพล กล่าว

สำหรับความบกพร่องของ บล.เออีซีที่ ก.ล.ต.ตรวจพบ 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การทำความรู้จักลูกค้าและตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า โดยลูกค้าหลายรายทำธุรกรรมไม่สอดคล้องกับศักยภาพทางการเงินและความรู้ด้านการลงทุนอย่างมีสาระสำคัญ บริษัทไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอเพื่อระบุตัวตนลูกค้าและผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง และไม่ได้พิจารณาทบทวนเงินอย่างเหมาะสมตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถป้องกันพฤติกรรมการซื้อขายที่ผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสมอื่นที่ก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อธุรกิจหลักทรัพย์และตลาดทุนโดยรวม

2.ระบบการกำกับดูแลทรัพย์สินของลูกค้าบกพร่องในกระบวนการสอบยันกับลูกค้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของลูกค้า พบว่าลูกค้าหลายรายเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อและบริษัทยืนยันการทำรายการโดยใช้หมายเลขที่ขอเพิ่มเพียงหมายเลขเดียว บางรายก็มีข้อพิรุธ

3.ระบบงานการกำกับดูแลเพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลภายใน และความขัดแย้งผลประโยชน์ของบริษัท ระบบงานไม่รัดกุมเพียงพอที่จะตรวจพบกรณีที่พนักงานใช้บุคคลที่เกี่ยวข้องมาเปิดบัญชีและทำรายการต่างๆ หรือในกรณีที่ตรวจพบความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและพนักงานก็ไม่ได้นำข้อมูลไปใช้ในการกำกับดูแลเพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลภายใน การกระทำที่ไม่เหมาะสมและทุจริตของพนักงาน

กรณี น.ส.อุรชา จัดการโอนหุ้นในบัญชีของลูกค้ารายที่เป็นข่าวเข้าบัญชีมารดาและตนเองได้รับประโยชน์ มีการเตรียมเป็นขั้นตอนดังนี้ คือ ได้เปิดบัญชีมารดาที่ บล.เออีซี โดยไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ จากนั้นได้จัดการโอนหุ้นโดยไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง  และจัดการให้ฝ่ายปฏิบัติการ ยืนยันการโอนหุ้นกับบุคคลที่ตนอ้างว่าเป็นลูกค้าเจ้าของบัญชี และเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์เข้าไปในระบบฐานข้อมูลของลูกค้าเพื่อให้การโอนหุ้นสำเร็จ ซึ่งถือเป็นการทำผิดที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือให้บริการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต กระทำมิชอบต่อทรัพย์สินของผู้ลงทุน ยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุน

ด้าน นายนัฐพล รับคำสั่งซื้อขายจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชี โดยไม่มีหนังสือมอบอำนาจ และมีการใช้คำพูดเพื่อให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าตนกำลังสนทนาและรับคำสั่งซื้อขายกับเจ้าของบัญชี ได้ทำผิดคือการไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือให้บริการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ขณะที่ น.ส. พัชรีย์ ยอมรับว่า รับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์จากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชี โดยไม่มีหนังสือมอบอำนาจ