posttoday

ช่องเด็กส่อคืนไลเซนส์

11 กุมภาพันธ์ 2559

นายกสมาคมมีเดียฯ เผยทีวีดิจิทัลหมวดรายการเด็กส่อแววคืนช่องสูง เหตุขายโฆษณายาก

นายกสมาคมมีเดียฯ เผยทีวีดิจิทัลหมวดรายการเด็กส่อแววคืนช่องสูง เหตุขายโฆษณายาก

นางวรรณี รัตนพล นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย หรือ MAAT เปิดเผยว่า กรณีที่มีกระแสข่าวออกมาว่าจะมีทีวีดิจิทัลอีกประมาณ 5 ช่อง มีแนวโน้มไปไม่รอดและมีโอกาสคืนใบอนุญาตสูง หากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อนุญาตให้สามารถคืนใบอนุญาตได้นั้น มองว่าช่องที่มีความน่าจะเป็นไปได้สูงในการคืนใบอนุญาต คือ ทีวีดิจิทัลในหมวดหมู่เด็ก เนื่องจากเป็นหมวดหมู่ที่ขายโฆษณาได้ยาก เพราะมีข้อจำกัดในด้านของกฎหมายและการกำกับดูแลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.

นอกจากนี้ ในหมวดหมู่อื่นๆ ก็อาจจะมีผู้ไปต่อไม่ได้ที่คละกันไป แต่ที่เห็นว่าจะมีความเป็นไปได้สูง คือ กลุ่มที่มีเรตติ้งต่ำกว่าอันดับที่ 15 เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวมีเม็ดเงินโฆษณาไหลเข้าน้อยใกล้เคียงกับผู้ประกอบการที่อยู่ในหมวดหมู่ช่องเด็ก

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าจะมีผู้เล่นในทีวีดิจิทัลน้อยลง เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมโฆษณาอย่างแน่นอน เนื่องจากเม็ดเงินโฆษณาส่วนใหญ่ยังคงอยู่กับทีวีดิจิทัลในช่องหลักที่มีเรตติ้งสูง แต่หากมองในด้านของการแข่งขันการมีจำนวนช่องลดลงจะเป็นผลดีกับผู้ประกอบการที่เหลืออยู่ เพราะจะทำให้มีผู้ชมเพิ่มขึ้น

สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาในสิ้นปี 2559 นี้คาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.41 ล้านบาท เติบโตจากปี 2558 ที่ผ่านมาประมาณ 3.5% หากไม่มีปัจจัยลบร้ายแรงมาส่งผลกระทบ ซึ่งในส่วนของอัตราการเติบโตดังกล่าวถือเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมอัตราการเติบโตจีดีพีของระเทศไทยในสิ้นปีนี้

“ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลรายที่อยู่ได้ก็จะอยู่ได้ต่อไป ส่วนรายที่อยู่ไม่ได้ก็อาจจะต้องหายไปจากธุรกิจ แต่ไม่ว่าจะอยู่ได้หรืออยู่ไม่ได้ทุกคนก็ต้องปรับตัวไม่ว่าจะเป็นในด้านของคอนเทนต์ หรือการทำตลาด ซึ่งในส่วนของคอนเทนต์ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะปัจจุบันหลายช่องพยายามทำตามช่อง 3 ช่อง 7 ไม่พยายามสร้างความแตกต่าง” นางวรรณี กล่าว

ด้าน นายรัฐกร สืบสุข กรรมการสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมของเม็ดเงินโฆษณาในสื่อทีวีปีนี้เชื่อว่าจะมีการขยายตัวไม่มากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการทีวีแต่ละช่องไม่สามารถขึ้นค่าโฆษณาได้มากนัก เพราะปัจจุบันมีคู่แข่งมากขึ้นภายหลังจากมีทีวีดิจิทัลเพิ่มขึ้นมาเป็น 24 ช่อง

ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้แนวโน้มการปรับอัตราค่าโฆษณาของทีวีในปีนี้น่าจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5% ถือว่าต่ำสุดในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทุกปีจะมีการปรับค่าโฆษณาขึ้นมาประมาณ 8-10%

ขณะเดียวกัน นอกจากจะได้รับผลกระทบจากการมีช่องทีวีเพิ่มมากขึ้นแล้ว ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทีวียังได้รับผลกระทบจากสื่อออนไลน์ที่เข้ามาชิงส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณา เนื่องจากปัจจุบันเจ้าของสินค้าเริ่มหันไปใช้เม็ดเงินซื้อสื่อโฆษณาในช่องทางออนไลน์มากขึ้น