ก้าวใหม่เอทีเอ็ม
กลางปี 2559 นี้ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ไทยทุกแห่งจะต้องเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็ม
โดย...แบงก์กลิ้ง
กลางปี 2559 นี้ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ไทยทุกแห่งจะต้องเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตของลูกค้าทั้งหมดมากกว่า 10 ล้านใบ ให้เป็นบัตรชิปการ์ด ทำให้ช่วงนี้ธนาคารพาณิชย์และแบงก์รัฐพากันปิดระบบเป็นระยะ เพื่อเตรียมการทดสอบไม่ให้มีปัญหาในช่วงที่จะต้องใช้จริง หากเกิดปัญหาคงจะโดนลูกค้าตำหนิมาก เพราะปัจจุบันเอทีเอ็มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันคนไทยไปแล้ว
ถึงประเทศไทยจะเปลี่ยนระบบเอทีเอ็มมาเป็นแบบชิปการ์ด ซึ่งถือว่าเป็นการก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอีกขั้นหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ถือว่าล้ำหน้ามากนัก เพราะเทคโนโลยีของเอทีเอ็มได้ก้าวหน้าไปถึงขั้นการสแกนนิ้วมือ การสแกนฝ่ามือของลูกค้าไปแล้ว
เรียกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องพกบัตรเอทีเอ็มหรือสมุดบัญชีกันแล้ว หากต้องการกดเงินสด แค่เอามือไปวางบนที่สแกนมือกดรหัส หรือวันเดือนปีเกิด ก็ทำรายการได้เลย ไม่ว่าจะถอนเงิน โอนเงิน
ฉะนั้น ระบบนี้จะแก้ไขปัญหาบัตรเอทีเอ็มหาย โดนขโมยบัตรเอทีเอ็ม มิจฉาชีพจะเข้าถึงบัญชีของคุณยากขึ้น นอกจากจะเอาปืนมาจี้แล้วให้คุณเอามือไปสแกนกดเงินสดออกมาให้
เทคโนโลยีดังกล่าวผลิตโดยบริษัท ฟูจิตสึ ยักษ์ใหญ่ไอทีของญี่ปุ่น แต่ธนาคารโอกาคิ เคียวริสึ (Ogaki Kyoritsu) ในญี่ปุ่น เป็นธนาคารแรกของโลกที่นำเอาระบบสแกนฝ่ามือมาใช้
ส่วนเอทีเอ็มของ Aeon ในญี่ปุ่น ก็ประกาศจะหันไปใช้ลายนิ้วมือ 2 นิ้ว แทนบัตรเอทีเอ็มตั้งแต่เดือน มี.ค.นี้ โดยเริ่มทดสอบระบบในเดือน ก.พ.ที่ตู้ในสาขาชิโยดะแห่งเดียวก่อน ซึ่งจะจำกัดวงเงินใช้บริการไว้ที่ 1 ล้านเยน
เทคโนโลยีการเงินที่ทันสมัยมีประโยชน์มาก เพราะธนาคารทั้งสองแห่งได้แถลงว่า ระบบโนการ์ดนี้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว และผู้ประสบเหตุคลื่นยักษ์สึนามิถล่ม ที่ทำให้สมุดบัญชีและเอกสารส่วนตัวสูญหายไปหมด สามารถเบิกเงินสดออกมาใช้ฉุกเฉินได้ ถือเป็นประโยชน์สูงสุดที่ผู้คิดค้นเทคโนโลยีภาคภูมิใจ