สหพัฒน์แจงไม่ได้ลงโฆษณารายการสรยุทธมากว่า 2 ปีแล้ว
"บุญชัย โชควัฒนา" เผยสหพัฒน์ไม่ได้ลงโฆษณาในรายการสรยุทธมากว่า 2 ปีแล้วหลัง ก.ล.ต.ขอความร่วมมือ ยืนยันไม่ได้ถอนโฆษณาช่อง3
"บุญชัย โชควัฒนา" เผยสหพัฒน์ไม่ได้ลงโฆษณาในรายการสรยุทธมากว่า 2 ปีแล้วหลัง ก.ล.ต.ขอความร่วมมือ ยืนยันไม่ได้ถอนโฆษณาช่อง3
หลังจากมีข้อความถูกส่งต่อในเครือข่ายสังคมออนไลน์ว่า บริษัท สหพัฒนพิบูล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเครือสหพัฒน์ ถอนโฆษณาจากช่อง 3 นั้น
ล่าสุด นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล เปิดเผยว่า บริษัทยังมีแผนลงสื่อโฆษณาในรายการของช่อง 3 ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของบริษัทอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับรายการเรื่องเล่าเช้านี้ บริษัทไม่ได้ลงโฆษณาในรายการดังกล่าวมากว่า 2 ปีแล้ว เนื่องจาก ช่วงที่ผ่านมาคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ส่งจดหมายเวียนขอความร่วมมือให้บริษัทจดทะเบียนพิจารณาอย่างรอบคอบ และใช้ความระมัดระวัง ในการทำธุรกิจกับบุคคลที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายทุจริตคอรัปชัน ซึ่งบริษัทได้ให้ความร่วมมือมาต่อเนื่อง
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2555 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งหนังสือ เรื่อง ขอความร่วมมือองค์กรในตลาดทุนผนึกกำลังแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน โดยหนังสือดังกล่าวมีเนื้อหาระบุว่า
เป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประเทศไทยมาเป็นเวลาช้านาน การจะเอาชนะปัญหานี้ได้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนของประเทศ ในการต่อต้าน ไม่ยอมรับ ไม่กระทำ และไม่สนับสนุนการกระทำของบุคคลที่มีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน เมื่อเร็วๆ นี้ผลวิจัยเชิงสำรวจของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ พบว่า ประชาชนไทยร้อยละ 68.5 ที่ถูกสำรวจยอมรับการทุจริตคอร์รัปชันได้ถ้าตนเองจะได้ประโยชน์ ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า หากทุกคนยังคงนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ เพราะเกรงจะเสียประโยชน์ของตน ประเทศชาติก็คงไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
สำนักงานขอเรียนว่า ที่ผ่านมาองค์กรต่างๆ ในตลาดทุนได้ร่วมกันปรับปรุงการกำกับดูแลกิจการที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งล่าสุด The Asian Corporate Governance Association (ACGA) และ CLSA Asia-Pacific Markets ได้ออกรายงาน CG Watch 2012 จัดอันดับให้ประเทศไทยขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3 ของภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ ในรายงานดังกล่าวได้แสดงความชื่นชมที่ภาคเอกชนไทยได้มีการร่วมมือกันเพื่อพยายามแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น อย่างไรก็ดี มีการตั้งคำถามต่อด้วยว่าการดำเนินการดังกล่าวจะสามารถเห็นผลได้จริงหรือไม่
นอกจากนี้ ในระยะที่ผ่านมายังปรากฏข่าวกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดบริษัท ไร่ส้ม จำกัด และนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิด ตามมาตรา 6 มาตรา 8 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และต่อมาเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2555 สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลจริยธรรมของสื่อมวลชน ได้มีแถลงการณ์สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของสื่อมวลชน กรณีบริษัท ไร่ส้ม โดยแถลงว่า พฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหาแม้จะยังไม่มีบทสรุปทางกฎหมาย แต่ในแง่การประกอบวิชาชีพนับว่าไม่เหมาะสม มีการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดจรรยาบรรณแล้ว
สำนักงานจึงขอความร่วมมือให้ท่านพิจารณาอย่างรอบคอบและใช้ความระมัดระวังในการทำธุรกิจกับบุคคลที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายทุจริตคอร์รัปชัน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย ขอแสดงความนับถือ ลงชื่อ นายวรพล โสตติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต.