สื่อโฆษณานอกบ้านขาขึ้น จับไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยน

18 มีนาคม 2559

แนวโน้มการซื้อสื่อโฆษณาของเจ้าของสินค้า เริ่มโยกงบจากการซื้อสื่อโฆษณาทางทีวี มาสู่การใช้สื่อโฆษณานอกบ้านมากขึ้น เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคการใช้ชีวิตนอกบ้านนานถึง 13 ชั่วโมง และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งพฤติกรรมการใช้หน้าจอเป็นที่มัลติสกรีนมากกว่าจะใช้เพียงหน้าจอเดียว ทำให้โอกาสการเห็นสื่อโฆษณาทางทีวีมีน้อย

แนวโน้มการซื้อสื่อโฆษณาของเจ้าของสินค้า เริ่มโยกงบจากการซื้อสื่อโฆษณาทางทีวี มาสู่การใช้สื่อโฆษณานอกบ้านมากขึ้น เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคการใช้ชีวิตนอกบ้านนานถึง 13 ชั่วโมง และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งพฤติกรรมการใช้หน้าจอเป็นที่มัลติสกรีนมากกว่าจะใช้เพียงหน้าจอเดียว ทำให้โอกาสการเห็นสื่อโฆษณาทางทีวีมีน้อย

กวิน กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสื่อโฆษณานอกบ้าน เปิดเผยว่า ทิศทางการใช้สื่อโฆษณาทางทีวีของเจ้าของสินค้ากำลังอยู่ในภาวะขาลง จากปัจจุบันมีมูลค่า 6 หมื่นล้านบาท และโอกาสที่สื่อโฆษณานอกบ้านมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท มีแนวโน้มที่เติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะสื่อโฆษณาเคลื่อนที่ และสื่อดิจิทัล มีทิศทางเติบโตเพิ่มขึ้น

ในส่วนแผนธุรกิจ บริษัทได้เตรียมเข้าซื้อกิจการในสื่อโฆษณา 2 กลุ่มหลัก เพื่อเสริมสร้างธุรกิจบริการสื่อโฆษณาให้แข็งแกร่ง ได้แก่ สื่อโฆษณาบนสนามบิน ที่กำลังมีการเจรจา 2-3 บริษัท โดยเตรียมเข้าซื้อหุ้นเพิ่มจากบริษัท แอร์โร มีเดีย ซึ่งก่อนหน้านี้ถือหุ้น 20% ส่วนกลุ่มออกบูธจัดกิจกรรม เจรจา 1-2 ราย นอกจากนี้ยังสนใจแตกกลุ่มธุรกิจสื่อโฆษณาในค้าปลีกเพิ่มเติมเป็นขาธุรกิจที่ 7

ทั้งนี้ บริษัทใช้เงินรวม 800 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น บริษัท มาสเตอร์ แอด หรือมาโก้ เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจาก 24.43% เป็น 37.42% เพื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในการดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกประเภทบิลบอร์ด และใช้บริษัทดังกล่าวขยายธุรกิจไปยังต่างจังหวัดและตลาดอาเซียน ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่โฆษณาครอบคลุม 69 จังหวัด วางเป้าหมายครบ 77 จังหวัด

“เหตุผลที่บริษัทขยายการทำตลาดไปต่างจังหวัด เพราะคนต่างจังหวัดเริ่มใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น และประชากรที่อาศัยอยู่จำนวนมาก ขณะที่งบโฆษณาที่ใช้ในต่างจังหวัดราว 30% ซึ่งปีนี้บริษัทลงทุน 300 ล้านบาท ในสื่อโฆษณาบีทีเอสและอาคารสำนักงาน” กวิน กล่าว

ขณะที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณามูลค่า 1 แสนล้านบาท โต 3.5% ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจหรือการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือจีดีพี คาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังจากการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์  สำหรับรายได้รวมทั้งสองบริษัทราว  3,100 ล้านบาท โต 50%

ด้าน ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการบีเอ็มเอ็น กล่าวว่า บีเอ็มเอ็นเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยมี 3 กลุ่มธุรกิจด้วยกัน ประกอบด้วย 1.ธุรกิจสื่อโฆษณาบนรถไฟฟ้าและโครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) 2.ธุรกิจบริหารพื้นที่ค้าปลีกในสถานีรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที และ 3.ธุรกิจให้บริการระบบสัญญาณโทรคมนาคม ซึ่งที่ผ่านมาโครงสร้างในการบริหารแยก 3 ธุรกิจออกจากกัน แต่จากนี้จะรวม 3 ธุรกิจไว้ด้วยกัน

นอกจากนี้ บีเอ็มเอ็นจะรีแบรนด์ใหม่ในรอบ 10 ปี เพื่อเตรียมตัวขยายไปยังพื้นที่ใหม่ๆ โดยรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่จะเปิดให้บริการในเดือน ส.ค.ปีนี้ มี 16 สถานี ก็มีโอกาสที่บีเอ็มเอ็นจะได้สิทธิในการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่นเดียวกับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ที่มี 8 สถานี และช่วงหัวลำโพง-บางแค ที่มี 11 สถานี ก็มีโอกาสเช่นกัน

ในส่วนของธุรกิจโฆษณาบนทางด่วน หลังจากที่บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) และบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ควบรวมกิจการเป็นบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ซึ่งเป็นบริษัทแม่บีเอ็มเอ็น จึงมีโอกาสจะได้รับสิทธิบริหารพื้นที่โฆษณาเส้นทางใหม่ เช่น ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนกาญจนาฯ อีกทั้งยังศึกษาพัฒนาอีก 5 สถานี อาทิ สถานีรัชดา

สำหรับแผนลงทุนใช้ 250-300 ล้านบาท ในการเพิ่มหรือปรับปรุงพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งหมดที่มีในทั้ง 3 ธุรกิจ โดยรายได้ปีนี้เติบโต 12-15% จากปีที่แล้วราว 446 ล้านบาท

ในอนาคตยังมีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเส้นทางใหม่ๆ อีกเกือบ 100 สถานี การขยายตัวของเมืองไปสู่ต่างจังหวัดจากการเกิดห้างใหม่ๆ ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ยิ่งทำให้สื่อโฆษณานอกบ้านโตไม่หยุดแน่นอน

Thailand Web Stat