ต้อนร้านทองเสียภาษีนิติบุคคล
กรมสรรพากรเร่งร้านทองแปลงสภาพเป็นนิติบุคคลทำบัญชีเดียวเสียภาษีให้ถูกต้อง ขู่เสี่ยงผิดกฎหมายฟอกเงินโดนยึดทรัพย์
กรมสรรพากรเร่งร้านทองแปลงสภาพเป็นนิติบุคคลทำบัญชีเดียวเสียภาษีให้ถูกต้อง ขู่เสี่ยงผิดกฎหมายฟอกเงินโดนยึดทรัพย์
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ได้หารือกับผู้ประกอบการร้านทอง 7,000 แห่ง ให้ทำบัญชีเล่มเดียว และให้ร้านทองบุคคลธรรมดาเปลี่ยนเป็นนิติบุคคล เนื่องจากการเสียภาษีนิติบุคคลต่ำเพียง 20% และผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) กำไร 3 แสนบาทแรก ได้รับการยกเว้น และกำไรเกิน 3 แสนบาท เสียภาษีเพียง 10%
นอกจากนี้ ร้านทองที่เป็นบุคคลธรรมดาเสี่ยงหลีกเลี่ยงหรือฉ้อโกงภาษีที่เข้าข่ายกฎหมายฟอกเงิน กรณีมีรายได้เกิน 10 ล้านบาท แต่ไม่มีการลงบัญชีให้ถูกต้อง ซึ่งอาจถูกยึดทรัพย์ได้ จึงอยากให้ร้านทองแปลงสภาพเป็นนิติบุคคล ทำบัญชีเดียวไม่มีปัญหาดังกล่าว
นายประสงค์ กล่าวว่า ร้านค้าทองคำทั้งหมดมีมูลค่าการค้ารวม 4-5 แสนล้านบาท แต่เข้าระบบภาษีจริงเพียง 2-3 แสนล้านบาท โดยการให้ร้านทองเข้าระบบภาษีจะเชื่อมโยงกับระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-เพย์เมนต์ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจะมีข้อมูลการซื้อขายผ่านเครื่องรูดบัตรอัตโนมัติ ทำให้กรมสรรพากรตรวจสอบปริมาณการซื้อขายและรายได้ของผู้ประกอบการได้ทั้งหมด ดังนั้นผู้ประกอบการควรยื่นภาษีให้ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งนิติบุคคลที่มีรายได้ 500 ล้านบาทขึ้นไป จะเข้าสู่ระบบอี-เพย์เมนต์ในวันที่ 1 ต.ค. 2559 ส่วนผู้ประกอบการรายย่อยจะเข้าระบบภายในปี 2561
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ปัจจุบันมีร้านค้าทองที่เข้าระบบเสียภาษีในรูปนิติบุคคลแล้วประมาณ 100 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าทองขนาดใหญ่ ส่วนที่เหลืออีก 7,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าขนาดเล็กที่ทำธุรกิจเป็นครอบครัว ไม่มีการลงบัญชีที่เป็นระบบ จึงต้องเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดา