จุดเปลี่ยนธุรกิจแฟชั่นไทย เลิกคลั่งแบรนด์เนมซื้อไลฟ์สไตล์

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

วงการธุรกิจแฟชั่นในปีนี้น่าจับตาอยู่ไม่ใช่น้อย สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวข้ามผ่านจากคำว่า “แฟชั่น” มาสู่การเป็นสินค้า “แฟชั่นไลฟ์สไตล์” ในขณะนี้จึงเริ่มมีผู้ประกอบการในวงการสินค้าแฟชั่นเริ่มปรับทิศทางการทำธุรกิจครั้งใหญ่ รองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่สลัดทิ้งความคลั่งไคล้แบรนด์เนมมาสู่การใช้สินค้าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น ผู้นำเข้าสินค้าลักซ์ชัวรี่ เปิดเผยว่า คนไทยในขณะนี้ไม่ได้สนใจว่าต้องใส่เสื้อผ้าเป็นเบรนด์เนมหรือเป็นสินค้าระดับลักซ์ชัวรี่อีกต่อไป แต่ต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์ทางด้านไลฟ์สไตล์หรือสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้ใส่มากกว่า นอกจากนี้การซื้อสินค้า คนไทยไม่ได้ต้องการแค่ซื้อเสื้อผ้าแต่งตัวอย่างเดียว แต่ต้องการแบรนด์ที่มีสินค้าครบทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมทั้งของใช้ภายในบ้าน

ทั้งนี้ เห็นได้จากทิศทางอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในปีนี้ มีโอกาสที่แบรนด์ขายสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์จากต่างประเทศจะเข้ามาเปิดร้านค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบสเปเชียลิตี้สโตร์ด้วยการมีสินค้าครบไลน์

ในส่วนของบริษัทเองได้ปรับโครงสร้างของธุรกิจใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยนำเข้าแบรนด์มาริเมกโกะ ซึ่งจำหน่ายสินค้าในกลุ่มแฟชั่นไลฟ์สไตล์จากประเทศฟินแลนด์ มีสินค้าทั้งหมดตั้งแต่เสื้อผ้า สินค้า และเครื่องใช้ภายในบ้าน กระเป๋า สินค้าสำหรับเด็ก

นอกจากนี้ ยังแตกไลน์ธุรกิจใหม่ ในกลุ่มธุรกิจของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์แบรนด์โจนาธาน แอดเลอร์ นำเข้าจากอเมริกา ซึ่งเป็นแบรนด์ที่สามารถเชื่อมโยงกับมาริเมกโกะได้ เพราะฐานลูกค้าทั้งสองแบรนด์จะมีความชื่นชอบคล้ายคลึงกัน มีไลฟ์สไตล์ไม่หรูหรามากนัก และเมื่อคนชอบมาริเมกโกะก็สามารถมาซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าไปตกแต่งบ้านได้ด้วย โดยแบรนด์ดังกล่าวมีสินค้าตกแต่งบ้านในสัดส่วน 70% และเฟอร์นิเจอร์ 30%

ศิริทิพย์ ศรีไพศาล ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์แบรนด์ ดีเอพีพี ในเครือบริษัท แดพเพอร์ เจ็นเนอรัล อะแพเร็ล กล่าวว่า วงการแฟชั่นไทยกำลังเปลี่ยนถ่ายจากพฤติกรรมผู้บริโภคต้องการแบรนด์หรือสินค้าที่ตอบสนองความต้องการได้มากกว่าเดิม หรือมีสินค้าครบครันมากกว่าจะมีเพียงแค่รายการเดียว หรือขายเสื้อผ้าเพียงอย่างเดียว ทำให้ผู้ประกอบการแฟชั่นไทยเริ่มตื่นตัวแตกไลน์สินค้านอกเหนือจากธุรกิจหลักของบริษัท อีกทั้งแฟชั่นยังเป็นสินค้าที่อายุสั้นมาก มาเร็วไปเร็ว ต่างจากสินค้าที่ขายไลฟ์สไตล์จะผูกติดกับลูกค้าในระยะยาว

“บริษัทเราก็เริ่มปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง ด้วยการออกสินค้าจับไลฟ์สไตล์ของคนไทยมากขึ้น จากเดิมจะจำหน่ายเฉพาะเสื้อผ้า แต่บริษัทใช้วิธีร่วมกับพาร์ตเนอร์พัฒนาสินค้า เนื่องจากสินค้าบางกลุ่มบริษัทไม่มีความเชี่ยวชาญ การร่วมกับพาร์ตเนอร์จะทำให้พัฒนาสินค้าได้เร็ว ล่าสุดได้พัฒนาแว่นตา นาฬิกากับพันธมิตรญี่ปุ่น โดยนำโนว์ฮาวมาและบริษัทเป็นผู้ผลิตเอง”

ขณะที่ ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น ก็ได้ปรับพอร์ตโฟลิโอจากสินค้าแฟชั่นสู่ไลฟ์สไตล์แฟชั่นด้วยเช่นกัน เพราะช่วงที่ผ่านมากลุ่มสินค้าของไมเนอร์ส่วนใหญ่เป็นเบสิกแฟชั่น อาทิ แก๊ป บอสซินี่ จึงต้องมองหาแบรนด์หรือเพิ่มกลุ่มสินค้านอกเหนือจากกลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่น เข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนไทยได้มากยิ่งขึ้น

เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าจากต่างประเทศ กล่าวว่า ธุรกิจแฟชั่นเกิดการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรงเรียกว่าเป็นเรดโอเชี่ยน บริษัทจึงปรับกลยุทธ์การตลาดหันไปเน้นแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ร้านของเล่น ในรูปแบบสเปเชียลิตี้สโตร์เข้ามาเสริมกับกลุ่มสินค้าแฟชั่น วางเป้าหมาย 3-4 ปีข้างหน้าสัดส่วนกลุ่มสินค้าแฟชั่นจาก 80% เหลือ 50% และกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์จาก 20% เพิ่มเป็น 50%

หลักการเลือกแบรนด์เข้ามาทำตลาด จะมีทั้งซื้อกิจการ ร่วมทุน โดยเลือกแบรนด์ที่มีจุดยืนและมีเอกลักษณ์ มีมูลค่า ไม่ใช่พิจารณาจากราคาอีกต่อไป โดยประเดิมด้วยการเปิดตัวไลฟ์สไตล์แบรนด์ “โคจิมะ” หรือกระทั่งการขยายกลุ่มสินค้าใหม่นอกเหนือจากเสื้อผ้า อาทิ ธุรกิจของเล่น เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์กีฬา

นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวในตลาดแฟชั่นเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น ลี ของกลุ่มเซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง ที่พัฒนาเสื้อผ้าแฟชั่นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้สินค้าตอบโจทย์ผู้บริโภคนอกเหนือจากการเป็นเครื่องนุ่งห่ม โดยจะมีฟังก์ชั่นที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ เช่น จับมือคอตตอน ยูเอสเอ เปิดตัวเสื้อยืดเทคโนโลยี วิคกิ้ง วินโดวส์ ที่มีคุณสมบัติแห้งเร็ว ลดความเหนียวติดตัว เจาะตลาดสปอร์ตแฟชั่นเพื่อขยายฐานลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ใช้ชีวิตนอกบ้าน อาทิ การออกกำลังกาย และเหมาะกับสภาพอากาศร้อนของไทย หรือกระทั่งแม็คยีนส์ ที่ได้พัฒนากางเกงยีนส์สำหรับการออกกำลังกายและ
ปั่นจักรยานออกมา เป็นต้