บ้านทะเลดาวต่อยอดธุรกิจ ผ่านจุดแข็งรักสิ่งแวดล้อม

14 กรกฎาคม 2559

โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

ประเทศไทยมีรายได้ท่องเที่ยวเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวต่างชาติมองไทยเป็นจุดหมายในฝันอันดับต้นๆ หากไทยจะรักษาตำแหน่งจุดหมายในฝันให้ได้ในระยะยาวต้องให้ความสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อมคู่ไปด้วย เพราะถ้าปล่อยให้สิ่งแวดล้อมรอบแหล่งท่องเที่ยวและที่พักเสื่อมโทรม นักท่องเที่ยวก็อาจหดหายตามไปด้วย เนื่องจากนักท่องเที่ยวยุคใหม่ตระหนักมากขึ้นและไม่อยากให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในการทำลายสิ่งแวดล้อมในแหล่งท่องเที่ยวที่ตนเองไปอุดม มหาศรีโชตะ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บ้านทะเลดาว หัวหิน รีสอร์ท และผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกลบอล อินโนเวชั่น เปิดเผยว่า ทำธุรกิจบ้านทะเลดาว หัวหิน รีสอร์ทมา 12 ปีแล้ว โดยจุดแข็งของบ้านทะเลดาวคือเป็นที่พักที่ได้มาตรฐานใบไม้สีเขียว สะท้อนว่าเป็นการทำธุรกิจท่องเที่ยวแบบคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และ 2 ปีก่อนเพิ่งเริ่มไปจัดตั้งบริษัท โกลบอล อินโนเวชั่น เพื่อรับบริหารโรงแรมเล็กๆ ที่ต้องการผลักดันตัวเองให้ได้มาตรฐานใบไม้สีเขียวเช่นกัน

ทั้งนี้ สาเหตุที่เริ่มมองการขยายไปรับบริหารโรงแรมเล็กๆ รายอื่น เพราะเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากบ้านทะเลดาวมีประสบการณ์ในวงการนี้มานาน ที่ผ่านมาก็ได้รับรางวัลมากมาย เช่น รางวัลโรงแรมใบไม้สีเขียวระดับ 3 ใบ เมื่อปี 2553 จากรางวัลใบไม้สีเขียวที่มีทั้งหมด 5 ระดับ โดยระดับสูงสุดคือใบไม้ 5 ใบ ขณะเดียวกันยังเคยได้รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (ไทยแลนด์ ทัวริสซึ่ม อวอร์ดส์) ปี 2553 ปี 2556 และปี 2558 โดยได้รางวัลดีเด่น ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว อีกทั้งเคยได้รางวัลโรงแรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในปี 2550 

การสะสมรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมมากๆ สะท้อนจุดแข็งของบ้านทะเลดาวด้านสิ่งแวดล้อมได้ชัดเจน จึงอยากใช้จุดแข็งนี้ช่วยเหลือโรงแรมเล็กๆ ให้มีมาตรฐานที่ดีขึ้นเพื่อผลดีของโรงแรมเหล่านั้น โดยโรงแรมที่บริษัทนี้จะรับบริหารคือมีห้องพักไม่เกิน 100 ห้อง เนื่องจากบ้านทะเลดาวก็เป็นรีสอร์ทเล็กๆ มีเพียง 32 ห้อง จึงถนัดดูแลโรงแรมขนาดเล็กมากกว่า ขณะเดียวกันก็จะขอเริ่มต้นจากโรงแรมใกล้เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน เช่น หัวหิน พัทยา เขาใหญ่ สระบุรี และประเด็นสำคัญที่สุด คือ โรงแรมที่จะรับบริหารต้องมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

อุดม กล่าวว่า ปัจจุบันมีโรงแรมมาให้บริษัทบริหารแล้ว 1 แห่ง คือ ซีฮอร์ส รีสอร์ท หัวหิน หาดตะเกียบ ซึ่งโรงแรมนี้ทางผู้บริหารมีแนวคิดอยากจะพัฒนาปรับปรุงให้โรงแรมได้มาตรฐานด้านการบริการและได้ให้โรงแรมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับสิ่งที่บ้านทะเลดาวถนัดพอดีจึงเข้าไปรับบริหาร โดยช่วยเรื่องทำตลาดออนไลน์ และทำตลาดตัวแทนจำหน่ายท่องเที่ยวรายใหญ่ที่คอยกระจายให้รายย่อย (โฮลเซล)

นอกจากไปรับบริหารโรงแรมแล้ว บ้านทะเลดาวก็มีแผนขยายธุร กิจเช่นกัน โดยที่ผ่านมาได้ซื้อที่ดินด้านข้างเก็บไว้แล้วเพื่อรองรับการขยายเพิ่มในอนาคต เพราะมองว่าหลังเปิดดำเนินการมานานถึง 12 ปี จำนวนห้องพักที่มีอยู่แค่ 32 ห้อง เริ่มไม่เพียงพอรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว โดยลูกค้าของทะเลดาวหลักๆ คือนักท่องเที่ยวยุโรป เช่น เยอรมนี ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ส่งลูกค้ามาให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น)

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ตัดสินใจเริ่มลงทุน เนื่องจากต้องการรอดูทิศทางเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศก่อน หากหลังผ่านการลงประชามติวันที่ 7 ส.ค.นี้ไปทุกอย่างเป็นไปด้วยดี อาจเริ่มขยายทันทีภายในปลายปีนี้เพื่อให้พร้อมเปิดดำเนินการได้ 2 ปีข้างหน้า โดยมองว่าจะขยายห้องพักไม่ให้มีรวมกันเกิน 80 ห้อง เบื้องต้นน่าจะขยายเพิ่ม 30 ห้อง ซึ่งจะทำให้จำนวนห้องพักเพิ่มเป็น 62 ห้อง วางงบลงทุนไว้ 150 ล้านบาท

“เท่าที่คุยกับตัวแทนจำหน่ายหลักที่ส่งลูกค้ามาให้ก็ตอบรับดี หากบ้านทะเลดาวขยายเพิ่มก็พร้อมส่งลูกค้ามามากขึ้น และหากขยายรีสอร์ทจะทำให้บ้านทะเลดาวรับตลาดประชุม สัมมนาช่วงฤดูฝน (กรีนซีซั่น) ได้ เพราะมีจำนวนห้องพักมากพอรองรับกลุ่มผู้เข้าพักขนาดใหญ่ขึ้น”

ด้านการออกแบบบ้านทะเลดาวส่วนขยาย จะเหมือนอาคารบ้านทะเลดาวเดิม เน้นแนวทรอปิคอล ตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติที่มีในเขตร้อนชื้น ออกแบบเหมือนบ้านพักในหัวหินสมัยก่อน พร้อมจัดสวนแบบอาเซียน เน้นเก็บต้นไม้ใหญ่ไว้เพื่อให้รีสอร์ทกลมกลืนกับธรรมชาติ

อุดม กล่าวว่า ในฐานะที่มีลูกค้าหลักเป็นชาวยุโรป มองว่ากรณีอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปอาจมีผลกับค่าเงินปอนด์ ค่าเงินยูโร ทำให้อ่อนค่าลงระยะแรก แต่ยังประเมินยากว่าจะอ่อนลงไปขนาดไหน เมื่อค่าเงินอ่อนค่าก็ทำให้คนยุโรปรู้สึกว่ามาเที่ยวไทยแล้วต้องใช้จ่ายแพงขึ้น ดังนั้นคนยุโรปอาจเดินทางลดลงช่วงแรก อย่างไรก็ตามมองว่าเศรษฐกิจยุโรปผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ไม่น่าจะต่ำ
ไปกว่านี้อีก ในส่วนของบ้านทะเลดาวเมื่อเห็นภาวะแบบนี้คงพยายามรักษาระดับราคาห้องพักไว้ การเซ็นสัญญากับตัวแทนจำหน่ายเพื่อขายห้องพักปีหน้าจะรักษาราคาห้องพักไว้ใกล้กับปีนี้

สำหรับปีที่ผ่านมาบ้านทะเลดาวมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี 60% เท่าค่าเฉลี่ยอัตราเข้าพักในหัวหิน ส่วนปีนี้คาดว่าอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีอาจลดลงจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยหลังจากผ่านครึ่งปีแรกพบว่าอัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 55% เพราะช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาคนไทยเที่ยวน้อยลงหลังได้รับผลกระทบเศรษฐกิจไม่ดี ส่วนกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงที่ยังท่องเที่ยว เมื่อรัฐมีวันหยุดยาวติดกัน 5 วัน ก็มองว่าเงินที่ใช้เที่ยวหัวหิน ชะอำ ไม่ได้ต่างจากไปเที่ยวญี่ปุ่นมาก จึงไปต่างประเทศแทน ดังนั้นจึงเหลือปัจจัยที่ลุ้นให้อัตราเข้าพักดีขึ้นช่วงที่เหลือ คือ มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่เปิด เช่น ห้างบลูพอร์ต หัวหินที่จะเปิดปลายปีนี้ รวมถึงมีอุทยานราชภักดิ์เป็นแม่เหล็กสำคัญดึงนักท่องเที่ยวมามากขึ้น โดยเฉพาะเอเชีย

การทำธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมจะทำให้รีสอร์ทมีหนทางข้างหน้าสดใสแน่นอน

Thailand Web Stat