ชี้ช่องสินค้าไทย ด่านบ่อเต็น-โมฮาน

โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

ในขณะนี้เขตเศรษฐกิจพิเศษบ่อเต็น-โมฮาน ที่ สปป.ลาวให้จีนเข้ามาลงทุนในพื้นที่ 17 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) หรือราว 1.06 หมื่นไร่ เป็นตลาดที่ สปป.ลาวรับซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภค สินค้าเกษตร ผลไม้ต่างๆ ของไทย บนถนนเส้นทางสาย R3a ที่มีความคึกคักเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นโอกาสทองของสินค้าไทยที่ต้องการบุกตลาดจีนในเวลานี้

นิยม ไวยรัชพานิช รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการความร่วมมือเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ระบุว่า จากแนวโน้มดังกล่าวในปีนี้ตั้งเป้าส่งออกผ่าน 3 ด่านชายแดนสำคัญใน จ.เชียงราย ได้แก่ ด่านแม่สาย ด่านเชียงแสน และด่านเชียงของกระจายผ่านเมียนมา สปป.ลาว และผ่านไปถึงจีนอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10% โดยสินค้าไทยเป็นที่ต้องการของตลาดส่วนใหญ่จะเป็นทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค สินค้าเกษตรแปรรูป รวมไปจนถึงขนมขบเคี้ยว

สอดคล้องกับ วิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวว่าบรรยากาศการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย ที่ครอบคลุม 3 ด่านการค้าชายแดนสำคัญดังกล่าว คือ ด่านแม่สาย ด่านเชียงแสน และด่านเชียงของ ที่แม้ว่าในตอนนี้จะมีความชัดเจนเรื่องการจัดหาที่ดินเพื่อส่งเสริมการลงทุนเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของนักลงทุนมากนัก สาเหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงรายเป็นโครงการอยู่ในเฟส 2

ขณะที่บริเวณด่านชายแดนลาว-จีน หรือด่านบ่อเต็น-โมฮาน กลับมีความคึกคักมาก เนื่องจากทางการจีนและสปป.ลาว ได้ทำข้อตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) เพื่อกันพื้นที่จากชายแดนของทั้งสองประเทศเป็นระยะทาง 15 กิโลเมตร ตามถนนสาย R3a เพื่อจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษบ่อเต็น-โอฮานร่วมกัน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอื่นๆ

ทั้งนี้ ทางการจีนและ สปป.ลาวได้มีการหารือในระดับปฏิบัติงานแล้วว่าจะมีกิจกรรมใดบ้างในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะจัดตั้งขึ้น โดยมีการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งมีโครงการใหญ่ คือ เส้นทางรถไฟจีน-ลาว (คุนหมิง-เวียงจันทน์) ผ่านพื้นที่เขตเศรษฐกิจแห่งนี้ และจะเชื่อมต่อกับการขนส่งระบบรางของกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย

“ไม่อยากให้มองเขตเศรษฐกิจพิเศษลาว-จีน เป็นคู่แข่งของเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย เพราะทั้งสองโครงการสามารถเชื่อมโยงและเอื้อประโยชน์ต่อกันได้ โดยเฉพาะเรื่องของการเป็นตลาดใหม่ที่มีขนาดใหญ่ของกลุ่มสินค้าจากธุรกิจเอสเอ็มอีของไทย ซึ่งหากสามารถเจาะตลาดได้ก็จะกลายเป็นขุมทองแห่งใหม่ของสินค้าไทยที่อยู่ไม่ไกล” วิโรจน์ กล่าว

นอกจากนี้ จากการสำรวจภายในศูนย์จำหน่ายสินค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) พบว่ามีสินค้าไทยวางจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก และเท่าที่ได้สอบถามจากผู้ประกอบการทราบว่า สินค้าไทยเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีนจากต่างมณฑลที่เดินทางท่องเที่ยวในมณฑลยูนนาน และเดินทางต่อมายังประเทศไทยและในกลุ่มประเทศอาเซียน

อย่างไรก็ตาม ทางการลาวและจีนหวังไว้ว่าจะใช้เวลาแค่ 2 ปี ในการทำให้เขตเศรษฐกิจพิเศษลาว-จีนเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ต่อผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าไทยไปจีน และเป็นโอกาสที่ควรจะต้องเร่งศึกษา เพื่อหาทางเข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดนี้ ที่จะสามารถต่อยอดให้ธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.เชียงราย และจังหวัดในภาคเหนือที่อยู่ใกล้กับตลาดที่กำลังจะเกิดใหม่นี้

อนุรัตน์ อินทร ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย มองว่าหากเปิดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษลาว-จีน ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะผลักดันสินค้าไทยทั้งประเทศให้กระจายออกสู่ตลาดดังกล่าวได้ โดยเฉพาะการเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าบริเวณชายแดน

ขณะที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดเชียงรายจะเป็นตัวช่วยส่งเสริม ซึ่งเอกชนในพื้นที่ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ด้านการลงทุนและการท่องเที่ยว