'Pink Pvssy' ดีไซน์สุดเฉียบ สร้างแบรนด์สุดแกร่ง
โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน
โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน
จากสองผู้บริหารที่มีไอเดียแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร มีความรักในธุรกิจออกแบบ สินค้าเครื่องประดับ ของตกแต่ง จึงสามารถสร้างแบรนด์ “Pink Pvssy” และแบรนด์ “Viva Loco” ให้เป็นแบรนด์ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และตลาดไทยรวมถึงกำลังต่อยอดสู่อาเซียนและอีกหลายประเทศในโลก โดยมีสาขารวมกันกว่า 40 สาขา
“ประทักษ์ ตรองตรง” และ “แจ็ค มิลเบิร์น” ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท พี.พี. จิลเวลรี่ แอนด์ แอคเซสซอรี่ เจ้าของแบรนด์ สินค้า สินค้าเครื่องประดับ ของตกแต่ง (แอกเซสซอรี่) กระเป๋า แกดเจ็ตและปาร์ตี้ สินค้าเด็ก “Pink Pvssy” (พิ้งค์ พุชซี่) และแบรนด์ “Viva Loco” (วีว่า โลโค่) เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำตลาดในประเทศไทยมากกว่า 12 ปีแล้ว จากจุดเริ่มต้นที่เปิดร้านค้าเครื่องประดับขนาดเล็กในสวนลุมไนท์บาซาร์ สร้างยอดขายได้เติบโตดี จึงขยายร้านมาเปิดที่ตลาดนัดจตุจักร มียอดขายโตต่อเนื่อง ทำให้ตัดสินใจไปร่วมงานแสดงสินค้าในไทยและงานจิวเวลรี่แฟร์
การไปออกงานแฟร์ได้รับการตอบรับที่ดี สร้างยอดขายหมดในหนึ่งวัน จึงตัดสินใจผลิตสินค้าเอง จากเดิมรับสินค้ามาจำหน่าย โดยบริษัทจึงเปิดสาขาของ “พิ้งค์ พุชซี่” อย่างเป็นทางการ เน้นสินค้าเครื่องประดับและของตกแต่ง มีดีไซน์ไม่ซ้ำ และมีคุณภาพดี ซึ่ง “พิ้งค์ พุชซี่” มีสาขาเปิดบริการ 36 สาขา และมีสาขาที่ศูนย์การค้า เทอร์มินอล 21 ชั้น 3 ซึ่งเน้นเจาะลูกค้าผู้หญิงและลูกค้าทั่วไป
“แบรนด์เคยได้รับคำพูดมาว่า คุณทำธุรกิจขายส่ง ไม่เหมาะที่นำสินค้ามาขายในห้าง คำพูดนั้นเป็นแรงผลักดันสำคัญ ทำให้เราพิสูจน์ว่าสามารถนำสินค้าขายส่งมาขึ้นห้างได้สำเร็จ เป็นธุรกิจเติบโตดี ซึ่งเราสองคนเริ่มลงทุนจากทีละน้อย ด้วยเงินลงทุนก้อนแรก 2 แสนบาท เมื่อมีกำไรก็นำมาลงทุนต่อ รวมถึงมีศูนย์การค้าที่ให้โอกาสเปิดร้านได้สำเร็จ” ประทักษ์ กล่าว
ต่อมาธุรกิจได้ขยายแบรนด์ใหม่ “Viva Loco” โดยเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าตกแต่ง อุปกรณ์ไอที ที่มีดีไซน์แปลกใหม่ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าผู้ชายและคนรุ่นใหม่ มีสาขาเปิดให้บริการรวม 5 สาขา และได้ขยายสาขาในต่างประเทศที่ห้างอิออนมอลล์ ประเทศกัมพูชา
“ประทักษ์” กล่าวต่อว่า ธุรกิจมีการขยายตัวได้ดีมาจากการมีพันธมิตรที่ร่วมสร้างแบรนด์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการออกแบบ ดีไซน์ และทำกราฟฟิก จึงสร้างสินค้าแตกต่างและมีเอกลักษณ์ ทำให้แบรนด์มีคาแรกเตอร์ และเป็นสินค้านอกกรอบ
ทั้งสองแบรนด์ต่างมีคาแรกเตอร์ของความสนุก สินค้านำมาผสมกันได้หมด รวมถึงการออกแบบร้านที่เน้นความแปลกใหม่ กำหนดราคาสินค้า ทุกคนจับต้องได้ มีราคาตั้งแต่ 20 บาท จนถึง 2 หมื่นบาท และมีสินค้ากว่า 1 แสนรายการ อีกทั้งเปิดให้ลูกค้าที่เข้ามาร้านถ่ายรูปได้ ลูกค้าต่างประทับใจและได้รอยยิ้ม
“บริษัทผ่านวิกฤตมาหลายด้าน แต่ผ่านมาได้เพราะไม่หยุดนิ่ง พัฒนาตลอด มีสินค้าใหม่ สร้างสินค้าแตกต่าง ติดตามเทรนด์โลก ส่งผลให้ปรับธุรกิจได้รวดเร็ว ให้ความแฟร์กับทุกคน ซึ่งมีพนักงานกว่า 200 คน” ประทักษ์ กล่าว
รวมถึงบริษัทพร้อมรับฟังทุกข้อคิดเห็นของทุกคน นำมาปรับปรุง สร้างสิ่งที่ดีสุดให้ลูกค้า ซึ่งทุกสัปดาห์จะมีสินค้าใหม่สู่ตลาด อีกทั้งได้ปรับแผนรับมือปัจจัยที่ไม่แน่นอน ด้วยการหันไปจ้างโรงงานต่างประเทศ ผลิตสินค้าให้แต่บริษัทจะดูแลคอนเซปต์ สินค้าและการออกแบบ จึงบริหารจัดการต้นทุนได้ดี ซึ่งทุกปีธุรกิจโต 10-20%
บริษัทเตรียมขยายสาขาสู่ต่างประเทศ ทั้งยุโรปตะวันออกและอาเซียน โดยวางเป้าหมาย 5 ปีข้างหน้า จะเป็นแบรนด์สินค้าเครื่องประดับ สินค้าตกแต่ง ที่มีขนาดใหญ่สุดในไทยและเปิดสาขาทั่วโลก