พลิกโฉม17ท่าเรือเจ้าพระยา

เจ้าท่าฯ ปรับปรุง 17 ท่าเรือริมเจ้าพระยา พร้อมเปิดเอกชนประมูลติดตั้งระบบเก็บตั๋วอัตโนมัติ

นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างปรับปรุงท่าเรือที่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรม 17 แห่ง ในพื้นที่ จ.นนทบุรี กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ เช่น ท่าเรือพระปิ่นเกล้า ท่าเรือสาทร ท่าเรือนนทบุรี ท่าเรือพระราม 7 ท่าเรือบางโพ ท่าเรือเทเวศร์ท่าเรือพรานนก ท่าเรือราชวงศ์ และท่าเรือสี่พระยา เป็นต้น เพื่อให้สามารถรองรับการใช้บริการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2560

ขณะเดียวกัน กรมอยู่ระหว่างจัดทำเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) เพื่อคัดเลือกเอกชนเข้ามาลงทุนติดตั้งระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มาใช้บริการที่ท่าเรือ โดยคาดว่าจะเปิดให้เอกชนยื่นเสนอราคาโครงการในเดือน ก.ย.นี้ และกำหนดให้ติดตั้งระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติในช่วงกลางปี 2560

“การติดตั้งระบบเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติที่ท่าเรือทั้ง 17 แห่ง จะให้เอกชนรายเดียวเป็นผู้ติดตั้ง เพื่อความรวดเร็วและเป็นระบบเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการแล้ว ระบบดังกล่าวจะแสดงเวลาเรือเข้าออกจากท่าเรือที่ชัดเจนด้วย” นายศรศักดิ์ กล่าว

แหล่งข่าวจากกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า ในอนาคตจะมีการเชื่อมโยงระบบการจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติในการให้บริการเรือโดยสารกับระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ เช่น รถไฟฟ้า ในลักษณะตั๋วร่วม และเป็นการรองรับจำนวนผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเข้ามาใช้บริการโดยสารทางเรือเพิ่มขึ้นจาก 4 หมื่นคน/วัน เป็น 2 แสนตัน/วัน

แหล่งข่าวเปิดเผยถึงความคืบหน้าการคัดเลือกเอกชนมาบริหารท่าเรือตะวันออกและตะวันตก ว่า กรมได้ออกประกาศให้ผู้ที่ต้องการจะขออนุญาตเดินเรือประจำทางเพื่อขนส่งผู้โดยสารหรือสินค้าในเส้นทางฝั่งตะวันออก (เมืองพัทยา-อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี)-ฝั่งตะวันตก (อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี-อ.หัวหิน-อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์) เสนอแผนธุรกิจมาให้กรมพิจารณา ซึ่งแผนธุรกิจดังกล่าวจะประกอบด้วย เงินทุนและแหล่งเงินทุน ประเภทและขนาดของเรือ ราคาเรือ อัตราค่าโดยสาร ค่าระวาง ความถี่ของการให้บริการ เส้นทางเดินเรือ (ท่าเรือต้นทาง-ปลายทาง ตำบลที่เรือผ่าน) แผนที่แสดงเส้นทางเดินเรือ อัตรากำลังเจ้าหน้าที่ จำนวนผู้โดยสาร และรายรับจากการดำเนินงาน เช่น ค่าโดยสาร ค่าระวาง ค่าบริการ เป็นต้น

“ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับอนุญาตให้บริการในเส้นทางดังกล่าว 10 ปี ซึ่งกรมจะเปิดให้เอกชนยื่นตั้งแต่วันที่ 19-23 ก.ย. และประกาศผลในวันที่ 30 ก.ย.นี้”

ภาพประกอบข่าว