โตโยต้าญี่ปุ่นยืนยัน รถเมืองไทยยังต้องเน้น "ไฮบริด"
โตโยต้ายังเน้นไฮบริดเป็นหลักก่อน มั่นใจว่ารถไฮบริดมีข้อได้เปรียบต่างๆ รวมทั้งจะพยายามทำราคาให้ต่ำลง
โดย...เลอลักษณ์ จันทร์เทพ
ความต้องการผลักดันเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญไปพร้อมๆ กับการป้องกันภัยคุกคามทางสิ่งแวดล้อมจากภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) ที่เกิดจากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากผลของภาวะเรือนกระจก จึงได้เดินหน้าอย่างจริงจังในการส่งเสริมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ EV-Electric Vehicleที่สนับสนุนทั้งด้านภาษีและการส่งเสริมการลงทุนต่างๆ
สำหรับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (TMC) ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ ยังคงยืนยันแนวคิดการผลิตรถยนต์ที่เน้นเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Vehicle) เป็นแนวรบหลัก
ฮิโรยูกิ ฟุคุอิ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และกรรมการผู้จัดการ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ เอเชียแปซิฟิก มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เซลส์ ได้พูดถึงตลาดรถยนต์ไฮบริดในปัจจุบันว่า สำหรับประเทศไทยนั้นยังเป็นประเทศผู้นำตลาดไฮบริด รวมถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ด้วย ซึ่งทั้ง 3 ประเทศยังเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน
แม้ว่าผู้บริโภครถยนต์ไฮบริดยังเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำอยู่นั้น เข้าใจว่าขึ้นอยู่กับราคาจำหน่าย ซึ่งตอนนี้คือเรื่องภาษียังไม่เอื้อต่อราคา เพราะแต่ละประเทศต้องนำเข้า แต่ในส่วนของประเทศไทยเราได้เริ่มผลิตแล้วคือ คัมรี่ ไฮบริด ซึ่งที่ผ่านมายอดขายคัมรี่ ไฮบริด ขายไปได้แล้วกว่า 5.5 หมื่นคัน จากยอดขายทั้งภูมิภาคที่ 1.28 แสนคัน และตอนนี้เรายังไม่มีแผนการผลิตรถยนต์ไฮบริดที่ประเทศไทย
ฟุคุอิ กล่าวอีกว่า โตโยต้าได้วางบทบาทของโตโยต้าไฮบริดในประเทศไทยและในเอเชียแปซิฟิกว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยให้ความสนใจทั้งเรื่องรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ปัญหาที่พบคือ รถยนต์ไฟฟ้าที่มีนโยบายสนับสนุนนั้น ในประเทศไทยยังไม่มีที่ชาร์จแบตเตอรี่ ที่จะไปเสียบชาร์จไฟฟ้าตามบ้านอยู่อาศัยได้ ถ้าเสียบกับเต้าเสียบตามบ้านได้ก็คงจะง่ายขึ้นในอนาคต เมื่อเทียบกับรถไฮบริดซึ่งไม่ต้องไปชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังมีรถยนต์อีกรุ่นคือปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านไปยัง EV ด้วย จากนั้นจะเป็นรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงแบบ Fuel cell
“ประเทศญี่ปุ่นสามารถขายรถยนต์ไฮบริดได้มาก เพราะราคาไม่แตกต่างจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน ประกอบกับการเอื้อประโยชน์ทางภาษีของภาครัฐ ทำให้ทุกคนสามารถซื้อรถยนต์ไฮบริดได้ในราคาไม่ต่างจากรถยนต์ทั่วไป ในกรณีการประหยัดน้ำมันของรถยนต์ไฮบริดก็ประหยัดน้ำมันครึ่งหนึ่งของรถยนต์เบนซิน ลูกค้าซื้อไปใช้ เติมเต็มถังน้ำมันไม่ลด ลูกค้าก็พอใจ และที่สำคัญเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากนี้โตโยต้าคงมีรถยนต์หลายรุ่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่มีไฮบริดอย่างเดียว ยังมีปลั๊กอินไฮบริด และรถ EV ด้วย ขณะนี้โตโยต้ายังเน้นไฮบริดเป็นหลักก่อน มั่นใจว่ารถไฮบริดมีข้อได้เปรียบต่างๆ เพราะเรามีประสบการณ์มากว่า 20 ปี เราก็คงใช้เทคโนโลยีนี้ในการพัฒนารถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป ซึ่งคิดว่าในอนาคตประเทศไทยจะเป็นผู้นำในเรื่องนี้ต่อไป และคาดว่าจะมีนโยบายส่งเสริมต่างๆ ออกมา”
ฮิโรยูกิ ฟุคุอิ
ฟุคุอิ ระบุว่า โตโยต้าได้คำนึงถึงภาพรวมของพลังงานทั่วโลกที่จะได้รับการประหยัดเท่าไหร่เป็นหลัก ถ้าเราจะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงได้ ไม่ว่าน้ำมันดิบ หรือทำให้มลพิษทางสิ่งแวดล้อมน้อยลงได้อย่างไร สำหรับโอกาสที่จะทำให้รถไฮบริดในเมืองไทยถูกลงเรากำลังพยายามอยู่ ซึ่งในสัดส่วนของราคานั้นไปดูที่เรื่องของแบตเตอรี่ที่จะลดต้นทุนให้ได้ ส่วนโอกาสที่รถยนต์พรีอุสจะกลับมาผลิตในประเทศไทย ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
สำหรับคำถามที่ว่าภายในสิ้นปีนี้ที่รัฐบาลเสนอแผนลงทุนรถยนต์ EV โตโยต้าจะส่งหรือไม่นั้น ฟุคุอิ กล่าวว่า ความเห็นส่วนตัวต้องมองว่าอะไรเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ในเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยดูภาพรวมว่าการใช้พลังงานเชื้อเพลิงในประเทศไทยมีการประหยัดมากที่สุด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด จะทำอย่างไร ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายพลังงานของประเทศเป็นอย่างไรก็ต้องดูประกอบ
ทั้งนี้ การที่จะใส่ใจเรื่องของสภาพแวดล้อมให้ประสบความสำเร็จนั้น จะต้องได้รับความร่วมมือกัน 3 ส่วน คือ 1.ผู้ประกอบการรถยนต์โตโยต้า ที่พยายามคิดค้นพัฒนารถยนต์พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะรถไฮบริด ที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานเป็น 10 ปี หรือสามารถวิ่งได้ในระยะทาง 100,000 กิโลเมตร 2.รัฐบาลญี่ปุ่น ที่จะเอื้อเรื่องของการลดหย่อนภาษี และให้เงินอุดหนุนสำหรับผู้บริโภครถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 3.สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น (มอเตอร์ JAMA Association) ที่ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม โตโยต้า นอกจากพัฒนาการผลิตรถยนต์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว โตโยต้ายังได้พยายามที่จะสร้างพื้นที่โรงงานสีเขียว สร้างพื้นที่โดยรอบโรงงานปลูกป่าทดแทน พยายามใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ประกอบกับการรณรงค์ให้พนักงานตระหนักและใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ทั้งการร่วมกิจกรรมรักษาสิ่งแวดล้อมเก็บขยะภายในโรงงาน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นการเพิ่มขยะ เพื่อให้เกิดการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร
เครื่องจำลองการขับขี่ (ซิมูเลเตอร์)