กระทิงแดงเปิดฉากรบชูกำลัง1.6หมื่นล้าน ส่อเดือดรอบใหม่รับศก.ฟื้น
ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท เริ่มส่อเค้าแข่งดุเดือดอีกครั้งในปีนี้ หลังจากซบเซาไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา....
ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท เริ่มส่อเค้าแข่งดุเดือดอีกครั้งในปีนี้ หลังจากซบเซาไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา....
โดย...ทีมข่าวธุรกิจตลาด
ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท เริ่มส่อเค้าแข่งดุเดือดอีกครั้งในปีนี้ หลังจากซบเซาไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตามสภาวะเศรษฐกิจซบ กำลังซื้อผู้บริโภคหดหายลงถึงระดับรากหญ้า อันเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้านี้
แต่เมื่อผู้ประกอบการทุกรายต่างคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของไทยอยู่ในภาวะเริ่มฟื้นตัว และจะดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เห็นได้ว่านับแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดนี้เริ่มมีความเคลื่อนไหวคึกคักอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการรายหลักในตลาดอย่างเอ็ม 150 ของค่ายโอสถสภาคาราบาวแดงของค่ายคาราบาวตะวันแดง และกระทิงแดงของค่ายเครื่องดื่มกระทิงแดงที่ต่างมีกิจกรรมออกสู่ตลาดต่อเนื่อง ทั้งการโฆษณาผ่านสื่อและการจัดกิจกรรมถึงกลุ่มเป้าหมาย
นั่นเป็นสัญญาณที่เห็นได้ชัดเจนว่าตลาดนี้จะกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งนับจากนี้ โดยแต่ละรายจะใช้งบการทำตลาดไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับเมื่อ 3-4 ปีก่อนหน้านี้
ปัจจุบัน เอ็ม 150 ยังคงครองความเป็นผู้นำตลาดเหนียวแน่นด้วยส่วนแบ่ง 55% ตามด้วยกระทิงแดง 30% คาราบาวแดง 12-15% ส่วนที่เหลือเป็นแบรนด์เล็ก เช่น แรงเยอร์ จากค่ายไทยเบฟเวอเรจ และเรดดี้ในเครือกระทิงแดง
และพลันที่กระทิงแดงออกมาประกาศทวงแชมป์ตลาดกลับคืนมาอีกครั้ง หลังจากเสียแชมป์ไปเมื่อประมาณปี 2546 ย่อมเป็นการส่งสัญญาณของการแข่งขันที่จะทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งจากผู้นำตลาดในปัจจุบัน และอันดับ 3 ในตลาดที่ต้องป้องกันส่วนแบ่งไว้อย่างเหนียวแน่น
นายเรืองยศ วิทวัสการเวช ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด 1 บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง เปิดเผยว่า กระทิงแดงได้ตั้งเป้าหมายกลับขึ้นเป็นผู้นำอีกครั้งภายในเวลา 5 ปีนับจากนี้ ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ ไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติง มิวสิก มาร์เก็ตติง และสปอร์ต มาร์เก็ตติง โดยตั้งเป้าโตต่อเนื่องปีละ 15-20% และเมื่อถึงปีที่ 5กระทิงแดงต้องมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 50% จึงจะบรรลุเป้าหมาย
นับแต่ต้นปีที่ผ่านมา กระทิงแดงได้เปลี่ยนสโลแกนสินค้าจากลูกผู้ชายตัวจริง มาเป็นเป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน พร้อมพรีเซนเตอร์ใหม่ 3 คน|เพื่อเป็นตัวแทนของกลุ่มลูกค้า ได้แก่ โหน่ง-วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ผู้ก่อตั้งนิตยสาร a day เดอะริชแมนทอย ศิลปินสุดแนว และกีกี้-|ศักดิ์ นานา นักดริฟต์รถชื่อดัง ซึ่งนับแต่ต้นปีพบว่าได้รับการตอบรับเป็นที่น่าพอใจจากภาพยนตร์โฆษณา 4 เรื่อง และการจัดกิจกรรมตั้งแต่ต้นปี
นอกจากนี้ กระทิงแดงยังเห็นโอกาสภาพ รวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาที่เติบโต 7-8% ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเมื่อเทียบกับในช่วง 1-2 ปี ที่ตลาดรวมเติบโตเพียง 1-2% หรือทรงตัว ขณะที่แบรนด์กระทิงแดงเติบโตได้ถึงกว่า 10% โดยเฉพาะไตรมาสแรกกระทิงแดงที่เติบโตสูงถึง 30% บริษัทจึงปรับเป้าหมายยอดขายสิ้นปีเติบโต 15% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 10-12%
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ จะยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องภายใต้งบการตลาดทั้งปี 500 ล้านบาท และล่าสุดใช้งบ 30 ล้านบาท เปิดตัวเรดบูล ดริฟต์ ทีม ไทยแลนด์ นำดริฟต์ทีมของไทยชื่อดัง 5 คน คือ กีกี้-ศักดิ์ นานา พร้อมเพื่อนร่วมทีมเข้าแข่งขันรายการฟอร์มูลา ดริฟต์ 2010 ที่ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย จากนั้นจะเป็นตัวแทนของไทยไปแข่งขันที่ญี่ปุ่นและอเมริกา
หลังจากที่บริษัทได้ทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปีจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 35% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% ของมูลค่าตลาดรวมเครื่องดื่มชูกำลัง 1.6 หมื่นล้านบาท และมีรายได้เติบโตที่ 15% จาก 6,000 ล้านบาท
หันมามองที่ค่ายคู่แข่งในฐานะผู้นำตลาดอย่างเอ็ม 150 ก็มีความเคลื่อนไหวน่าสนใจเช่นกัน โดยหลังจากใช้สโลแกน “ไม่มีลิมิต ชีวิตเกินร้อย” มาหลายปีแล้ว ก็ต่อยอดด้วยแนวคิด “ฉีกกรอบเดิมๆ ให้ชีวิตไม่มีลิมิต” ตั้งแต่ปี 2552 พร้อมเปลี่ยนพรีเซนเตอร์ใหม่ในปีนี้โดยใช้ ตูน บอดี้สแลม ดร.สิงห์ อินทรชูโต และครูพี่แนน ถ่ายทอดรูปแบบวิธีคิดที่ออกพ้นจากกรอบเดิมๆ เพื่อสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายมากขึ้น ควบคู่กับการจัดคอนเสิร์ตลงพื้นที่
ฝั่งอันดับ 3 อย่างคาราบาวแดงก็ปล่อยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ที่แปลกไปจากเดิม โดยเน้นการหยิบประโยชน์สารอาหารในเครื่องดื่มชูกำลังมาสื่อสารถึงลูกค้า แต่ใช้ แอ๊ด คาราบาว เป็นพรีเซนเตอร์เช่นเดิม ควบคู่กับการจัดกิจกรรมไปทั่วประเทศ ซึ่งในส่วนของคาราบาวแดงยืนยันว่า ณ ขณะนี้ส่วนแบ่งตลาดของคาราบาวแดงเกิน 20% แล้ว
เมื่อทุกค่ายเริ่มเคลื่อนไหวภายใต้เป้าหมายชิงตลาดมูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท จึงถือเป็นการเปิดศึกรอบใหม่รับเศรษฐกิจฟื้นตัวอีกครั้ง!!!