นัดเคาะราคาอ้อย พุ่งตันละ1,000บาท
นัดถกวันที่ 17 พ.ย. กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นปี 2559/2560 คาดไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท/ตัน
นัดถกวันที่ 17 พ.ย. กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นปี 2559/2560 คาดไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท/ตัน
นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยและหัวหน้าสำนักงานสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 7 เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหาร (กบ.) จะมีการประชุมในวันที่ 17 พ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2559/2560 หลังจากนั้นจะนำไปสู่การเปิดประชาพิจารณ์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นก่อนนำเสนอคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เห็นชอบในวันที่ 28 พ.ย. ซึ่งเบื้องต้นราคาอ้อยขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ระดับ 1,080 บาท/ตัน
“ราคาอ้อยขั้นต้นคำนวณที่ 100% ความหวาน 10 ซี.ซี.เอส. น่าจะสูงกว่า 1,000 บาท/ตัน แต่ก็อยู่ที่ กบ.อีกครั้งว่าจะคำนวณออกมาได้เท่าใด และจะต้องมาดูว่าจะประกาศรายเขตแบบใด ซึ่งฤดูผลิตปีที่แล้วประกาศ 2 ราคา โดย 8 เขตเท่ากัน แต่เขต 5 สุพรรณบุรีเป็นอีกราคาหนึ่ง” นายนราธิป กล่าว
ทั้งนี้ ราคาอ้อยระดับดังกล่าวถือว่าเป็นระดับที่ชาวไร่พอใจ ซึ่งการหารือจะพิจารณาต้นทุนที่หากคำนวณออกมาไม่คุ้มทุนจะเสนอรัฐบาลให้สนับสนุนแหล่งเงินทุนด้วยการให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กท.) กู้ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แต่ปัจจุบัน ครม.ได้มีมติปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย หลังจากที่บราซิลได้ยื่นกล่าวหาไทยต่อองค์การการค้าโลก (ดับเบิ้ลยูทีโอ) ว่าไทยมีการอุดหนุนน้ำตาลทรายสำหรับส่งออก ทำให้การกู้รูปแบบเดิมไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้นจะมีการช่วยเหลือเพิ่มราคาหรือไม่จะต้องไปพิจารณาการดำเนินการรูปแบบอื่นในเวทีประชาพิจารณ์
นอกจากนี้ กบ.จะหารือถึงราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 2558/2559 เพื่อที่จะนำเสนอ กอน.กำหนดแนวทางการหักเงินเข้า กท. เพื่อชำระหนี้ตามมติ ครม. กรณีที่ราคาอ้อยขั้นสุดท้ายสูงกว่าขั้นต้นไม่เกิน 25 บาท/ตัน ซึ่งเบื้องต้นราคาอ้อยขั้นสุดท้าย 2558/2559 เฉลี่ยทุกเขตที่ยังไม่หักเข้า กท.จะสูงกว่าราคาอ้อยขั้นต้นประเมิน 60 บาท/ตัน ยกเว้นเขต 5 ที่ติดลบ 0.45 บาท/ตัน จากราคาอ้อยขั้นต้นเฉลี่ย 808 บาท/ตัน
สำหรับแนวโน้มฤดูหีบปี 2559/2560 จะทยอยเปิดหีบตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2559 นี้คาดว่าผลผลิตอ้อยเฉลี่ยจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่มีอ้อยหีบ 94.05 ล้านตัน หรืออาจจะต่ำกว่าเล็กน้อยที่ระดับ 92 ล้านตัน แต่ในพื้นที่เพาะปลูกยอมรับว่าแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ซึ่งต้องติดตามตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากมีเกษตรกรปลูกข้าวนาดอนได้เริ่มหันมาปลูกอ้อยและมันสำปะหลังที่ได้ราคาดี