posttoday

SECOM ผู้นำนวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่ไม่หยุดนิ่ง

04 มกราคม 2560

ในยุคที่ผู้คนต่างแสวงหาความมั่นคงและความปลอดภัยในการใช้ชีวิต ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ความต้องการเหล่านี้ตรงกับเจตนารมณ์ของบริษัทรักษาความปลอดภัย

 

ในยุคที่ผู้คนต่างแสวงหาความมั่นคงและความปลอดภัยในการใช้ชีวิต ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ความต้องการเหล่านี้ตรงกับเจตนารมณ์ของบริษัทรักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จำกัด (ไทยซีคอม) ภายใต้แบรนด์ SECOM เบอร์หนึ่งด้านธุรกิจรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับจากประเทศญี่ปุ่น

มิสเตอร์โยอิจิ ชิบูกาว่า กรรมการผู้จัดการ บริษัทรักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จำกัด ซึ่งดำรงตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2012 จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในช่วงรอยต่อ และวิกฤตต่างๆ มากกว่า 30 ปี มิสเตอร์ชิบูกาว่าบอกเล่าถึงภาพรวมธุรกิจ วิสัยทัศน์และก้าวต่อไปในอนาคตของ SECOM ประเทศไทยได้อย่างน่าสนใจ

ภารกิจของ SECOM ที่ก้าวไปพร้อมโลกยุคใหม่

"ภารกิจหลักของเราต้องการสร้างความปลอดภัยและความอุ่นใจให้กับสังคมไทย ปีนี้ถือเป็นปีสำคัญปีหนึ่งในตลาดอุตสาหกรรมรักษาความปลอดภัย เพราะเมื่อลองเปรียบเทียบกับอดีต ผมมองว่าค่าครองชีพหรือค่าแรงต่อหัวของ 'ยาม' หรือ 'รปภ.' เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีการออก 'พระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย' ขึ้น ถือเป็น Turning Point ที่ดีที่จะมีกฎหมายรองรับ เพื่อควบคุมให้บริษัทรักษาความปลอดภัยมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น

อีกปัจจัยหนึ่ง เนื่องจากปีที่แล้วเรามีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ทำให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจลักษณะนี้ต้องปรับตัวในเรื่องของค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตัว รปภ.เองก็ต้องมีใบอนุญาต ค่าใช้จ่ายของผู้ว่าจ้างก็สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทที่เน้นประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัยโดยใช้แรงคนอย่างเดียวเริ่มมีปัญหาแล้ว เพราะมีมากถึง 4,000 กว่าบริษัท จำนวน รปภ.ทั่วประเทศประมาณ 400,000 คน จุดนี้เองทำให้ผมรู้สึกว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมรักษาความปลอดภัยจะเริ่มมีการปรับตัวเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม"

การทำงานเชิงรุกและกลยุทธ์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง

"SECOM เรามีจุดแข็งตรงที่ให้บริการโดยใช้คน เทคโนโลยี และเน็ตเวิร์ค ในรูปแบบ One Stop Service เริ่มจากออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ที่สถานที่ของลูกค้า หลังจากลูกค้าเปิดใช้ระบบงานแล้ว บริษัทฯ จะมีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมตลอด 24 ชั่วโมง และพร้อมส่งเจ้าหน้าที่ระงับเหตุเข้าไปตรวจสอบยังพื้นที่ของลูกค้าหลังจากได้รับสัญญาณแจ้งเหตุ ด้วยศูนย์บริการที่มีมากกว่า 50 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ครอบคลุมทั่วประเทศ วิ่งเข้าไประงับเหตุให้ลูกค้าอย่างทันท่วงที ด้วยจุดแข็งเหล่านี้ ทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่งที่ขายเพียงอุปกรณ์ หรือให้บริการ รปภ.เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ถือเป็น Business Model หรือ Key Success ของเรา เพราะเราเชื่อว่าคนมีความยืดหยุ่นในการทำงาน ในขณะเดียวกันอุปกรณ์และเทคโนโลยีก็มีความเสถียรและเชื่อถือได้

ในกลุ่มลูกค้าธุรกิจ วิธีการทำงานของเราจะค่อนข้างแตกต่างจากที่อื่น ก่อนที่จะเข้าไปพบลูกค้าจะต้องมีการสำรวจสถานที่และสอบถามลูกค้าก่อนว่ามีความกังวลใจเรื่องใดเป็นพิเศษ จุดนี้ทำให้เราได้รับข้อมูลเพื่อนำไปสู่การออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะสิ่งที่ทำให้ลูกค้าเกิดความปลอดภัยสูงสุดไม่ใช่แค่อุปกรณ์หรือระบบ แต่เป็นเรื่องของแนวทางแก้ปัญหาแบบครบวงจรให้กับลูกค้ามากกว่า

ส่วนกลุ่มลูกค้าบ้าน เรื่องของการออกแบบและคอนเซ็ปต์จะแตกต่างกัน เพราะบ้านจะค่อนข้างละเอียดอ่อน ปกติคนทำงานเช้ากว่าจะกลับก็เย็นหรือค่ำ ระหว่างวันจะไม่ค่อยมีใครอยู่ ช่วงระหว่างนั้นทำให้เกิดความกังวลว่าบ้านจะปลอดภัยหรือเปล่า เราจึงเน้นระบบความปลอดภัยของบ้านในช่วงที่ไม่มีคนอยู่ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความปลอดภัยและไว้วางใจมากที่สุด"

"ปัจจุบันมาร์เก็ตแชร์ของเรา 90 เปอร์เซ็นต์เป็นลูกค้าที่ประกอบธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ร้านค้า สำนักงานฯลฯ และอีก 10 เปอร์เซ็นต์เป็นลูกค้าบ้าน ซึ่งถือว่าในเมืองไทยตลาดยังไม่เติบโตเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับสัดส่วนที่ประเทศญี่ปุ่น ต้องกล่าวว่า 5 ปีที่แล้ว มาร์เก็ตแชร์ของกลุ่มลูกค้าบ้านแซงกลุ่มลูกค้าธุรกิจขึ้นมาแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าถ้าเมื่อเศรษฐกิจเติบโตขึ้น ผู้บริโภคมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทุกคนมีบ้านเป็นของตัวเอง ถึงตอนนั้นโอกาสของโฮมซีเคียวริตี้มาร์เก็ตน่าจะสูงขึ้นสำหรับ SECOM"

SECOM ผู้นำนวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่ไม่หยุดนิ่ง

นวัตกรรมใหม่เพื่อเพิ่มความอุ่นใจและความปลอดภัย

"โดยส่วนตัวผมมองว่าประเทศไทยติดกล้องวงจรปิดกันเยอะมาก เราจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาตัวหนึ่งเพื่อใช้กับอุปกรณ์ที่ลูกค้ามีอยู่คือกล้องวงจรปิด ผสมผสานเข้ากับระบบของ SECOM ซึ่งเป็นระบบเรียลไทม์ พอเกิดเหตุขึ้นมา สัญญาณจะทำงานร่วมกับกล้องวงจรปิด ส่งทั้งสัญญาณภาพและเสียงมาที่ศูนย์ควบคุมของเรา ทำให้สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้รวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น นำไปสู่การระงับเหตุฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว เหมือนเป็นการเพิ่มมูลค่าของระบบกล้องวงจรปิดที่ลูกค้ามีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น ซึ่งผมมองว่าจุดนี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของเรา"

The Next Chapter Begins

"เป้าหมายสำคัญในอีก 5 ปีข้างหน้าของ SECOM คือสร้างยอดขายให้ได้สองเท่าของยอดขายปัจจุบัน และต่อยอดเรื่องภาพลักษณ์ให้แบรนด์ของเราเป็นที่ยอมรับในประเทศไทยให้ได้ หมายถึงต้องมีสติ๊กเกอร์ SECOM ติดอยู่ทั่วประเทศ พอคุณเห็นสติ๊กเกอร์ของเราที่ไหน จะรู้แล้วว่าเราทำอะไรและช่วยอะไรคุณได้บ้าง นอกจากนี้ เราจะใช้จุดแข็งในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยต่อยอดธุรกิจใหม่คือ AED (Automated External Defibrillator) เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เกิดความปลอดภัยในเรื่องของสุขภาพ เพราะจากสถิติปีที่ผ่านมา คนไทยป่วยเป็นโรคหัวใจและเสียชีวิตไปประมาณ 5 หมื่นคน โดยปีที่แล้วถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี เพราะสมาคมแพทย์ฉุกเฉินได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า AED ไม่ใช่เครื่องมือทางการแพทย์ แต่เป็นเครื่องมือปฐมพยาบาลฉุกเฉินที่ประชาชนทั่วไปสามารถหยิบใช้ได้ ดังนั้น AED น่าจะเป็น Turning Point และเป็นโอกาสในการทำธุรกิจของเราต่อไปในอนาคต"

มิสเตอร์โยอิจิ ชิบูกาว่า ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า สำหรับลูกค้าทุกๆนาที ทุกๆเวลาของความปลอดภัยและความอุ่นใจของเขาคือเรา "ซีคอม" ซีคอมสร้างความปลอดภัยและอุ่นใจให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน

Website : http://www.secom.co.th/