ว่าด้วยเรื่อง 'รั้ว'
ขีดเขียนบนหน้ากระดาษโพสต์ทูเดย์มาแล้วหลายปีดีดัก เริ่มแรกภายใต้คอลัมน์ “คนรักบ้าน” ผ่านมาสักระยะเปลี่ยนเป็น “ไขปัญหาบ้าน-คอนโด”
โดย...นคร มุธุศรี
ขีดเขียนบนหน้ากระดาษโพสต์ทูเดย์มาแล้วหลายปีดีดัก เริ่มแรกภายใต้คอลัมน์ “คนรักบ้าน” ผ่านมาสักระยะเปลี่ยนเป็น “ไขปัญหาบ้าน-คอนโด” และนับจากนี้เป็นต้นไป แก้ไขชื่อใหม่เป็น “รู้รอบรั้ว” อีกครา
ว่าถึง “รั้ว” ที่กั้นอาณาบริเวณรอบๆ หมู่บ้านจัดสรรก่อน แม้ข้อเท็จจริงแนวกำแพงเหล่านั้นจะปลูกสร้างบนที่ดินด้านหลังบ้านของผู้ซื้อก็ตาม แต่เจ้าของเคหสถานหลังหนึ่งหลังใดจะทุบหรือเจาะไชให้ทะลุเพื่อผ่านเข้าออกไปสู่ภายนอกหาได้ไม่
ยิ่งพวกที่ซื้อที่ดินแปลงว่างด้านหลังด้วยหวังจะขยับขยายบริเวณบ้านให้กว้างขวางซื้อที่ดินเพิ่มได้ แต่ห้ามทุบรั้วเปิดเป็นทางผ่านเข้าผ่านออกโดยเด็ดขาด
“เหตุไฉนจึงทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่ปลูกสร้างอยู่บนโฉนดที่ดินของเรา” หลายท่านคงตั้งปุจฉา
โปรดรู้ไว้รั้วด้านหลังบ้านแม้จะตั้งอยู่บนที่ดินกรรมสิทธิ์ของเราก็จริง แต่ถือเป็น “สาธารณูปโภค” ส่วนรวมที่ผู้ซื้อบ้านทุกคนมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของร่วมกัน
เคยมีตัวอย่างหลายต่อหลายราย ที่เจ้าของบ้านดันทุรังทุบรั้วด้านหลังโดยไม่ฟังเสียงท้วงติง สุดท้ายเพื่อนบ้านอดรนทนไม่ไหวยื่นฟ้องร้องศาลและผู้พิพากษาสั่งให้ผู้ทุบทำการก่อสร้างปิดรั้วกลับสู่สภาพเดิมโดยไว
ส่วนรั้วที่กันเขตแดนด้านซ้ายและด้านขวาของแต่ละหลังที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันกับเพื่อนร่วมซอยแปลงติดๆ กันปลูกสร้างบนเขตที่ดินเส้นแบ่งกึ่งกลาง ด้วยเหตุฉะนี้ไอ้เจ้าคอนกรีตฉาบปูนความหนา 10-20 เซนติเมตร และมีความสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 1.5-2 เมตร จึงถือเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันระหว่างเจ้าของบ้านทั้งสองราย
คนหนึ่งคนใดจะใช้อำนาจโดยพลการทุบรั้วไม่ได้เช่นกัน เว้นแต่หลังหนึ่งเป็นของเราและอีกหลังเป็นของพ่อแม่ ปู่ย่าตาทวด และหรือเป็นน้องภรรยา จำเป็นต้องเปิดช่องให้ไปมาหาสู่ได้สะดวกก็ไม่ว่ากัน
เถอะ แม้ไม่เป็นเครือญาติ แต่ประสงค์จะทุบรั้วทิ้ง หรือพัฒนาปรับปรุงให้สวยงามกว่าเดิม ต้องได้รับความยินยอมพร้อมใจจากทั้งสองฝ่าย เพราะโดยทางกฎหมายไม่ว่ากำแพงรั้วนั้นจะมีความกว้างหนาสักเท่าใดก็ตาม เจ้าของบ้านหลังติดๆ กันย่อมมีกรรมสิทธิ์ในรั้วบ้านคนละ 50%
แต่ถ้าเป็นรั้วด้านหน้าบ้านริมถนนซอยที่มีประตูสำหรับเดินเข้า-ออก หรือขับรถขับรานำเข้าไปจอดเป็นอีกเรื่อง รั้วด้านนี้ถือเป็นสิทธิของเจ้าของบ้านแต่ละรายสามารถพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นเหมาะสม ถือว่าไม่ผิดกติกาข้อกฎหมายใดๆ เพียงแต่ต้องแจ้งขอผู้ขายในฐานะเจ้าของโครงการ และหรือคณะกรรมการ อย่าลืมแนบแปลนคร่าวๆ ประกอบการแจ้งไปด้วยล่ะ
หลายท่านคงตั้งปุจฉาว่า รั้วบ้านจะต้องมีความสูงใหญ่แค่ไหนถึงจะป้องกันโจรผู้ร้ายให้ได้ผล “นคร มุธุศรี” อยากสะกิดเตือนเจ้าของเคหสถานที่กำลังจะปรับเปลี่ยนรั้วเตี้ยๆ ให้มีขนาดหนาทึบสูงใหญ่พร้อมปักเศษแก้วหรือเหล็กแหลมไว้บนสันว่า
“เปลืองเงินเปลืองทองเปล่าๆ เก็บไว้ควักกระเป๋าใช้จ่ายในเรื่องจำเป็นอื่นๆ จะดีกว่า”
ยุทธวิธีป้องกันขโมยขโจรให้ปฏิบัติตามคำตักเตือนของคนโบร่ำโบราณ
“มีเพื่อนบ้านดี...และผูกมิตรให้ช่วยเป็นหูเป็นตาจะปลอดภัยกว่าบ้านที่มีรั้วสูงใหญ่และแข็งแรงหลายสิบเท่า”
เชื่อหัวปู่ย่าตาทวดสิ..!!!