ต้องรอด!! สร้างผลตอบแทนปี 2017 ด้วย Asset Allocation

25 มกราคม 2560

โดย...พรชัย อร่ามอาภากุล

โดย...พรชัย อร่ามอาภากุล

ลงทุนมานานแล้ว...ทำไมไม่ประสบความสำเร็จสักที? เป็นคำถามที่นักลงทุนมากมายเฝ้าถามตัวเองมาตลอด มีปัจจัยมากมายเหลือเกินที่ส่งผลต่อผลตอบแทนการลงทุน สิ่งสำคัญคือเรารู้หรือไม่ว่าปัจจัยใดสำคัญที่สุดกับเงินในกระเป๋าเรา ผลวิจัยระบุชัดเจนว่าปัจจัยที่มีผลต่อผลตอบแทนของการลงทุนกว่า 94% มาจาก Asset Allocation หรือการจัดสรรเงินลงทุน ว่าแต่ Asset Allocation คืออะไร สำคัญกว่านั้นคือ ใช้งานอย่างไร?

...คืออะไร? Asset Allocation คือ การกระจายเงินลงทุนลงในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น เงินสด หุ้น ตราสารหนี้ การลงทุนทางเลือก ฯลฯ ซึ่งส่งผลให้ความเสี่ยงของสินทรัพย์ถูกกระจาย โดยสัดส่วนการลงทุนในแต่ละประเภทสินทรัพย์จะเปลี่ยนไปตามระดับผลตอบแทนที่คาดหวังและระดับความเสี่ยงที่รับได้ รวมทั้งมีการยืดหยุ่นในสัดส่วนการลงทุนของแต่ละประเภทสินทรัพย์ตามสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

...ใช้งานอย่างไร? ขั้นตอนวิธีการทำ Asset Allocation

1.ประเมินตัวเอง แนะนำให้ผู้ลงทุนทำแบบสอบถามเพื่อกำหนดความเสี่ยง เพื่อให้สามารถประเมินระดับความเสี่ยงของตัวเองเบื้องต้นได้ โดยมีประเด็นสำคัญ คือ การยอมรับความเสี่ยง เพื่อที่ทำให้เราทราบว่าเราเหมาะสมกับการจัดสรรเงินลงทุนแบบใด นอกจากนี้ควรมีการกำหนดเป้าหมายทางการลงทุนที่ชัดเจน ระยะเวลาการลงทุน รวมทั้งข้อจำกัดทางการเงิน

2.ประเมินทางเลือกที่เหมาะสม เลือกรูปแบบการจัดสรรเงินลงทุนที่เหมาะสมกับเรา โดยมีประเด็นสำคัญ คือ

l การประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยง แนะนำให้ประเมินสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อน เช่น หากเงินลงทุนของเราติดลบ 10% เรารับได้หรือไม่ หากรับไม่ได้ ควรปรับลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงลง เป็นต้น

l การประเมินสัดส่วนของสินทรัพย์แต่ละประเภท แนะนำให้ใช้สถิติย้อนหลังมาประเมินว่าผลตอบแทนและค่าความผันผวนของสินทรัพย์แต่ละประเภทเป็นอย่างไร เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นในการประเมินสัดส่วนของสินทรัพย์แต่ละประเภท และสามารถกำหนดสัดส่วนของสินทรัพย์ได้อย่างเหมาะสมกับผู้ลงทุนมากขึ้น

l การจัดสรรการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภท ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนตราสารหนี้ต้องประเมินว่าลงทุนในตราสารหนี้นั้นควรมีอายุตราสารสั้นหรือยาวเท่าไร หรือการลงทุนหุ้นก็ต้องประเมินว่าเป็นหุ้นแบบใด หุ้นปันผล (Dividend Stock) หรือหุ้นที่เน้นการเติบโต (Growth Stock) เป็นต้น

ทั้งนี้ ควรตระหนักว่าผลตอบแทนและความเสี่ยงจะมาคู่กันเสมอ รูปด้านล่างเป็นตัวอย่างการจัดสัดส่วนรูปแบบการลงทุน

3.มีการติดตามและปรับสัดส่วนการลงทุน โดยประเมินสถานการณ์ตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น ทุกๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี และปรับสัดส่วนการลงทุนให้มีความเหมาะสม (Rebalance)

5 เรื่องผิดพลาดยอดนิยมสำหรับการทำ Asset Allocation

1) ศึกษาข้อมูลไม่เพียงพอ ส่งผลให้ลงทุนในสิ่งที่ตนเองไม่เข้าใจ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความผิดพลาดอื่นๆ ที่ตามมา

2) เลือกรูปแบบการจัดสรรเงินลงทุนที่ไม่เหมาะสมกับตัวเอง แนะนำให้ประเมินสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อน เช่น หากเงินลงทุนติดลบ 10% เรารับได้หรือไม่ หากคำตอบคือรับไม่ได้ รูปแบบการลงทุนดังกล่าวอาจยังไม่เหมาะสมกับเรา

3) คาดหวังในสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล  เช่น ต้องการเห็นผลตอบแทนมากๆ ในระยะเวลาสั้นๆ โดยสถิติแล้วเกิดขึ้นยากมากเพราะการลงทุนนั้นต้องใช้เวลา ดังนั้นควรคาดหวังผลตอบแทนตามแผนที่วางไว้และตามระยะเวลาที่กำหนด

4) ไม่มีวินัยในการจัดสรรเงินลงทุน เช่น เมื่อเริ่มจัดสรรเงินลงทุนตามที่วางแผนไว้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปมีสินทรัพย์บางประเภทมีกำไรในเวลาอันสั้นทำให้อดใจไม่ได้ที่จะขายสินทรัพย์ดังกล่าวเพื่อทำกำไร ซึ่งการขายเฉพาะบางสินทรัพย์ออกไปทั้งหมด (เพราะกำไร) อาจส่งผลทำให้แผนการจัดสรรเงินลงทุนภาพรวมเบี่ยงเบนจากแผนที่วางไว้ค่อนข้างมาก

5) ติดตามราคาระยะสั้นมากเกินไป จะส่งผลให้เกิดความหวั่นไหวในการลงทุน เพราะการลงทุนย่อมมีความผันผวนเสมอ หากนักลงทุนหวั่นไหวไปตามราคาระยะสั้นมากเกินไป อาจส่งผลให้แผนลงทุนผิดพลาดได้เช่นกัน

ปี 2017 เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการหาจุดเปลี่ยนที่จะทำให้การลงทุนประสบความสำเร็จมากขึ้น ซึ่ง Asset Allocation เป็นปัจจัยที่นักลงทุนทุกคนควรให้ความสำคัญ อย่างไรก็ดีควรลงทุนโดยศึกษาข้อมูลที่เพียงพอ เพราะความเสี่ยงแม้จะไม่สามารถขจัดได้ แต่สามารถลดได้ด้วยการศึกษาข้อมูลที่เพียงพอและลงมือปฏิบัติอย่างมีวินัย

Thailand Web Stat