วนนท์ วรรณป้าน Full-Time Trader ต้องวางแผนการเงิน

14 มีนาคม 2560

อีกหนึ่งอาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่ คือ นักลงทุนอิสระ หรือ Full-Time Trader เพราะงานสบาย ได้เงินง่าย แต่จะมีสักกี่คนที่อยู่รอดได้ด้วยการลงทุน เพราะวันนี้อาจจะกำไร แต่ใครจะไปรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรเพราะฉะนั้นถ้าคิดจะเป็นนักลงทุนอิสระต้องเริ่มจากการวางแผนการเงิน เหมือนกับที่ “เบียร์” วนนท์ วรรณป้าน วิทยากรของ Super Trader Republic และ “นักลงทุนอิสระ” (ที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยกำไรจากการลงทุน) บอกว่า“คนอาจจะคิดว่า Full-Time Trader ไม่มีแผนการเงิน แต่จริงๆ แล้วผมวางแผนการเงินดีมาก เพราะการลงทุนอยู่บน8วามเสี่ยงตลอดเวลา และพอเราวางแผนการเงินแน่น เราก็จะเทรดโดยปราศจากความกลัว เพราะความกลัวพวกนั้นถูกปิดด้วยแผน เทรดยังไงเราไม่เจ๊งแน่นอน” แต่กว่าจะมีถึงวันนี้ วนนท์ ก็เคยเจ็บหนักและเป็นหนี้เพราะ “เล่นหุ้น” มาแล้ว “จุดเปลี่ยนของผม คือตอนที่เข้ามาอยู่ในไลน์กลุ่มของ Super Trader ซึ่งพวกพี่ๆ เขาเห็นเราพอไปได้ แต่ใจร้อน เขาเลยบอกว่าถ้าเล่นอย่างนี้มึงหมดตัวแน่นอน เขาเลยเอาผมไปฝากให้ครูไก่ (กนิษฐา รอดดำ) สอนเรื่องการบริหารเงิน”และคำแรกที่“ครูไก่” ถามคือ เหลื

อีกหนึ่งอาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่ คือ นักลงทุนอิสระ หรือ Full-Time Trader เพราะงานสบาย ได้เงินง่าย แต่จะมีสักกี่คนที่อยู่รอดได้ด้วยการลงทุน เพราะวันนี้อาจจะกำไร แต่ใครจะไปรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร

เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะเป็นนักลงทุนอิสระต้องเริ่มจากการวางแผนการเงิน เหมือนกับที่ “เบียร์” วนนท์ วรรณป้าน วิทยากรของ Super Trader Republic และ “นักลงทุนอิสระ” (ที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยกำไรจากการลงทุน) บอกว่า

“คนอาจจะคิดว่า Full-Time Trader ไม่มีแผนการเงิน แต่จริงๆ แล้วผมวางแผนการเงินดีมาก เพราะการลงทุนอยู่บน8วามเสี่ยงตลอดเวลา และพอเราวางแผนการเงินแน่น เราก็จะเทรดโดยปราศจากความกลัว เพราะความกลัวพวกนั้นถูกปิดด้วยแผน เทรดยังไงเราไม่เจ๊งแน่นอน”

แต่กว่าจะมีถึงวันนี้ วนนท์ ก็เคยเจ็บหนักและเป็นหนี้เพราะ “เล่นหุ้น” มาแล้ว

“จุดเปลี่ยนของผม คือตอนที่เข้ามาอยู่ในไลน์กลุ่มของ Super Trader ซึ่งพวกพี่ๆ เขาเห็นเราพอไปได้ แต่ใจร้อน เขาเลยบอกว่าถ้าเล่นอย่างนี้มึงหมดตัวแน่นอน เขาเลยเอาผมไปฝากให้ครูไก่ (กนิษฐา รอดดำ) สอนเรื่องการบริหารเงิน”

และคำแรกที่“ครูไก่” ถามคือ เหลืออะไรมาบ้าง

“ผมก็บอกไปว่าเงินผมไม่เหลือ ผมเหลือแต่หุ้นนิดๆ หน่อยๆ เพราะว่าตอนนั้นหมดตัวมา และมีหนี้จากการกดเงินสดไปลงทุนอยู่ 2 แสนบาท”

วนนท์ เล่าว่า สิ่งแรกที่ครูไก่ให้ทำ คือ รายรับ รายจ่าย และให้เขียนมาเลยว่าทั้งชีวิตเหลืออะไรบ้าง มีหนี้มีอะไร เท่าไรบ้าง

“ครูไก่ให้ทำรายรับ รายจ่าย เขียนทุกบาททุกสตางค์ เช่น เวลาผมทำงาน กิน 50 กินเหล้า 2,500 ครูก็จะติงมา ผมทำรายรับ รายจ่าย ส่งครูไก่ทุกวัน ตั้งแต่ติดหนี้ติดสิน ครูก็บอกให้ลดนั่นปรับนี่ และพอครูไก่เห็นความพยายาม ก็เลยเรียกไปสอนการบริหารจัดการเงิน แยกหนี้สิน สินทรัพย์ แบ่งการออมเป็น 5 ประเภท เพราะครูไก่บอกว่า การรักษาเงินยากกว่าการหาเงิน ต่อให้ได้เงินมาแต่รักษาไม่เป็น ยังไง
ก็หมด”

บัญชีออม 5 ประเภทที่ “ครูไก่” แนะนำ คือ

1.ออมเพื่อให้พ่อแม่และตัวเอง

2.ออมเพื่อท่องเที่ยว

3.ออมเผื่อฉุกเฉิน

4.ออมเพื่อเกษียณ

5.ออมเพื่อความมั่งคั่ง

6.บัญชีกระแสเงินสด

“ตอนที่ผมไปเรียน ครูไก่ บอกว่า ที่เบียร์เจ๊งก็เพราะเอาเงินทั้งชีวิตไปใส่ในบัญชีมั่งคั่ง (ลงทุน) อย่างเดียว พอมั่งคั่งพังก็ทำให้ชีวิตพัง ผมก็เลยเริ่มตรงนั้น แต่ตอนแรกไม่มีเงินออมเลยสักบาท เพราะมันมีหนี้มาด้วย แต่ก็ค่อยๆ ปลดหนี้ออก แล้วเริ่มจาก 500 บาท เอาไปใส่ในช่องท่องเที่ยว” และเขาก็ทำแบบนี้มาจนวันนี้

“พอเทรดหุ้นแต่ละเดือนได้กำไรมา ก็จะแบ่งเข้าตามสัดส่วน เช่น เดือนนี้ได้กำไรจากการเดย์เทรด 8 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินที่เกิดจากการเอาบัญชีออมเพื่อมั่งคั่งไปทำกำไรมา ผมก็จะแบ่งไปใส่บัญชีอื่นๆ ตามสัดส่วน

พอบัญชีที่เอาไว้เที่ยวครบตามที่ตั้งใจก็ไปเที่ยว เพราะบางทีการเทรดมันเครียด ต้องเอาเงินที่เราได้ไปเที่ยว ส่วนเงินออมให้พ่อแม่ พอครบก็เอาไปใช้หนี้ให้แม่ ปีที่แล้วใช้หนี้ให้แม่ไป 4 ล้านบาท ก็มาจากการออมแบบนี้

บัญชีเพื่อเกษียณก็เติมไปเรื่อยๆ เพราะเติมแล้วห้ามเอาออก แต่ถ้าเป็นบัญชีเผื่อฉุกเฉินผมจะวางไว้ประมาณ 6 เดือน ว่าแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายเท่าไร เช่น ผมมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 5 หมื่นบาท ก็เอา 6 เดือนคูณไปเลย เท่ากับ 3 แสนบาท พอครบก็จะไม่ใส่บัญชีนี้แล้ว

หลังจากจัดสรรเงินใส่บัญชีอื่นๆ ครบแล้ว เหลือเท่าไรก็จะเอากลับมาใส่ในบัญชีมั่งคั่ง เป็นการเบิ้ลพอร์ต หรือ Reinvest ไปเรื่อยๆ”

แม้จะใช้กำไรจาก “เดย์เทรด” มาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ วนนท์ บอกว่า จริงๆ แล้ว ในพอร์ตลงทุนของเขามีส่วนที่เป็นเดย์เทรดประมาณ 20%

“เราเกิดจากเดย์เทรด แต่ไม่ได้เดย์เทรดอย่างเดียว เพราะหลายคนไม่รู้จักผม มองว่าจะเก็งกำไรอย่างเดียว เล่นแต่หุ้นซิ่ง จริงๆ แล้วพอร์ตที่เดย์ประมาณ 20%”

ขณะที่ 50% ของพอร์ตจะเป็นการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี หรือถ้าไม่มีหุ้นพื้นฐานดีเลยก็จะถือเงินสดอีก 20% เป็นการลงทุนแบบเล่นรอบ และอีก 10% กันเอาไว้สำหรับการลงทุนในวอร์แรนต์ ซึ่งมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง

“เพราะฉะนั้นต่อให้วันนี้พอร์ตที่เล่นเดย์เทรดหายไปหมดทั้ง 20% ผมยังมีอีก 80% สบายไม่เครียด แต่ที่คนเล่นเดย์เทรดแล้วเครียด คือคุณเอาเงินทั้งชีวิตมาเล่น ไม่วางแผนการเงิน แล้วก็ไปซื้อหุ้นโดยไม่รู้ว่ามีความเสี่ยงขนาดไหน”

นอกจากนี้ วนนท์ บอกอีกว่า “หลักของผมการเทรดคือไม่ได้ต้องการได้เยอะ แต่ขอสม่ำเสมอ ขอให้ผลิตเงินมาให้เรา”

“จริงๆ เป็นคนกินน้อยใช้น้อยมาก เพราะเราก็มาจากต่างจังหวัด ข้าวจานนึงก็อิ่ม ไม่ได้คิดว่าการกินอาหารตามโรงแรมหรูๆ จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้น เลยไม่ได้ใช้จ่ายเยอะ แต่ละเดือนจะดึงเงินออกมาประมาณ 1 แสนบาท โดย 6 หมื่นบาท เป็นค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และ 4 หมื่นบาท เป็นค่าใช้จ่ายทั่วไป”

ถึงจะได้ชื่อว่าเป็น Full-TimeTrader และมีรายได้จากเดย์เทรด แต่วนนท์ บอกว่า “เป็นเดย์เทรดก็ไม่จำเป็นว่าต้องเดย์เทรดทุกวัน แต่ต้องเทรดในจังหวะที่มั่นใจว่าได้เงินออกมา ไม่ใช่ตลาดตะบี้ตะบันเทรด และถ้าไม่มีจังหวะให้เทรดเราก็มีเงินเผื่อฉุกเฉินเอาไว้ อยู่ได้สบายๆ ไม่ต้องกังวลว่าวันนี้จะต้องไปเทรด”

นอกจากนี้ วนนท์ ฝากเตือนไปถึงนักลงทุนที่กำลังลงทุนเกินตัวว่าเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะเขาเคยลองมาแล้วด้วยตัวเอง

“ต้องเล่นเท่าที่เงินคุณมีอยู่ มี 1 ล้านบาท เทรด 1 ล้านบาท ต่อให้ขาดทุนหมด คุณจะไม่เดือดร้อน แต่ถ้ามี 1 ล้านบาท เทรดไป 5 ล้านบาท อันนี้อันตราย ผมลองมาหมดแล้ว ผมสู้ไม่ไหว”

Thailand Web Stat