ปัญหาและอุปสรรค ในการออมเงิน
ก่อนจะลงมือออมเงินตามแผนที่คุณวางไว้ ควรเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาและอุปสรรค เพื่อจะได้รับมือได้ถูก
โดย...ภาดนุ ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
เมื่อคุณมีแผนทางด้านการเงินอยู่ในใจ รวมทั้งรู้เป้าหมายและจุดประสงค์ของการออมเงินที่ชัดเจนแล้ว ก่อนจะลงมือเดินตามแผนที่คุณวางไว้ ควรเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทางที่เราเดินตามแผน เพื่อจะได้รับมือได้ถูกยังไงล่ะ
เราขอแบ่งปัญหาของการออมออกเป็น 2 ปัญหาใหญ่ๆ คือ ปัญหาจากภายนอก และปัญหาจากภายใน
1. ปัญหาจากภายนอก
คือปัญหาที่ผู้ออมเงินไม่สามารถควบคุมได้ อาจเกิดจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ ระบบการเงินของโลก หรือเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ที่เราควบคุมไม่ได้
อัตราเงินเฟ้อ
เพื่อความเข้าใจง่าย ขออธิบายว่าเงินเฟ้อคือภาวะที่เราต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นในการซื้อสินค้าชนิดเดียวกัน เงินเฟ้อเป็นตัวบั่นทอนค่าของเงิน ดังนั้นมันจึงเป็นปัญหาของการออม เช่น เราฝากเงินไว้กับธนาคาร 100 บาท อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี สิ้นปีเราจะมีเงิน 103 บาท ถ้าอัตราเงินเฟ้อ 2% แสดงว่าสินค้าที่ราคา 100 บาทตอนต้นปี จะปรับราคาเป็น 102 บาทตอนสิ้นปี แทนที่เราออมเงินแล้วจะได้กำไร 3 บาท กลับเหลือกำไรแค่ 1 บาท เพราะอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
อย่างที่บอกว่าเราควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ได้ แต่เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยการหาวิธีการออมหรือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย แต่อย่างน้อยเราได้รู้จักปัญหาและวิธีแก้ไขให้ดีที่สุด เพื่อให้เงินออมเพิ่มมากขึ้นตามแผนที่วางไว้
เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ที่เกิดขึ้นและทำให้เราต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆ มากมาย เช่น การเจ็บไข้ได้ป่วยของเรา ของคนในครอบครัว อุบัติเหตุต่างๆ ไฟไหม้ น้ำท่วม รถชน หรือเกิดคดีฟ้องร้อง ฯลฯ มีหลายคนที่ต้องหมดเนื้อหมดตัวเพราะค่ารักษาพยาบาลมาแล้ว
ไม่เพียงแต่เงินออมที่หมดไป บางครั้งยังต้องกู้หนี้ยืมสินอีกต่างหาก เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่สามารถระมัดระวังได้โดยการดูแลสุขภาพ ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท แต่บางครั้งเราก็ไม่สามารถฝืนดวงชะตาได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นปัญหานี้ วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือการทำประกัน ทั้งประกันชีวิตและสุขภาพ ประกันภัยทรัพย์สินต่างๆ เพื่อจะได้ป้องกันเงินออมของเราได้ไงล่ะ
2. ปัญหาจากภายใน
คือปัญหาที่เกิดจากตัวเราเอง จริงๆ แล้วปัญหานี้สามารถควบคุมและแก้ไขได้ แต่บางครั้งก็แก้ยาก เพราะเป็นนิสัยที่ฝังลึกมานาน
ขาดวินัยในการออม
หลายคนที่ออมเงินไม่สำเร็จเพราะขาดวินัยในการออม เช่น ตามแผนที่วางไว้ต้องออมเงินทุกๆ เดือน เดือนละ 3,000 บาท แต่บังเอิญเดือนนี้มีโปรแกรมจะไปเที่ยวกับเพื่อน เลยต้องงดการออม กะว่าจะไปออมเดือนหน้าทีเดียว 6,000 บาท พอเดือนหน้าก็ไม่ได้ออมอีก เพราะตอนไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ดันเผลอจ่ายเงินเพลินจนติดลบ พูดง่ายๆ ว่าเป็นคนไม่มีวินัย บังคับตัวเองไม่ได้
ทางแก้คือต้องตระหนักไว้เสมอว่า เงินที่เก็บออมวันนี้เพื่อเอาไว้ใช้ในยามที่เราไม่สามารถทำงานได้ ถึงวันนั้นใครจะเลี้ยงเรา นอกจากตัวเราเอง การพึ่งตัวเองดีที่สุด เพราะฉะนั้นต้องบังคับตัวเองให้ได้ และลืมเงินก้อนนี้ไปเลย ไม่ต้องไปคอยนับว่าได้เท่าไหร่แล้ว เพราะจะทำให้เกิดกิเลส
ความโลภ
คือความอยาก ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้วินัยการออมเสียไป อยากได้นี่ อยากได้นั่น หรือบางคนพอลงทุนได้ผลตอบแทนมาดี ก็โลภมาก ทุ่มลงไปใหม่ โดยไม่ดูว่า เวลาเปลี่ยนไป ภาวะเปลี่ยนไป อาจเกิดความเสี่ยงขึ้นมา ทำให้เงินที่ได้มาหมดไปด้วย
หรือบางคนเห็นคนอื่นลงทุนแบบนี้แล้วได้ผลตอบแทนดีก็ไปลงทุนบ้าง โดยที่ตัวเองไม่มีความรู้ ก็ทำให้ขาดทุนได้ เงินออมก็หมดไปอีก ขอให้ท่องไว้เสมอว่า “โลภนัก มักลาภหาย” การจะลงทุนในด้านใดขอให้พิจารณาให้รอบคอบ แบ่งเงินให้ถูกต้องและเหมาะสมกับช่วงวัยของตัวเอง ว่ารับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด ข้อสำคัญคือ ต้องมีแผนการเงินให้พร้อม จะได้รู้กำลังของตัวเอง
หากรู้จักปัญหาและอุปสรรคของการออม รู้วิธีแก้ไขปัญหา รู้ว่าเครื่องมือในการออมหรือเทคนิคในการออมนั้นมีอะไรบ้าง มีแผนการเงินที่เรียบร้อยชัดเจน เพียงเท่านี้คุณก็พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าสำหรับการออมเพื่ออนาคตของคุณ
เมื่อคุณมีแผนทางด้านการเงินอยู่ในใจ รวมทั้งรู้เป้าหมายและจุดประสงค์ของการออมเงินที่ชัดเจนแล้ว ก่อนจะลงมือเดินตามแผนที่คุณวางไว้ ควรเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทางที่เราเดินตามแผน เพื่อจะได้รับมือได้ถูกยังไงล่ะ
เราขอแบ่งปัญหาของการออมออกเป็น 2 ปัญหาใหญ่ๆ คือ ปัญหาจากภายนอก และปัญหาจากภายใน
1. ปัญหาจากภายนอก
คือปัญหาที่ผู้ออมเงินไม่สามารถควบคุมได้ อาจเกิดจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ ระบบการเงินของโลก หรือเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ที่เราควบคุมไม่ได้
อัตราเงินเฟ้อ
เพื่อความเข้าใจง่าย ขออธิบายว่าเงินเฟ้อคือภาวะที่เราต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นในการซื้อสินค้าชนิดเดียวกัน เงินเฟ้อเป็นตัวบั่นทอนค่าของเงิน ดังนั้นมันจึงเป็นปัญหาของการออม เช่น เราฝากเงินไว้กับธนาคาร 100 บาท อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี สิ้นปีเราจะมีเงิน 103 บาท ถ้าอัตราเงินเฟ้อ 2% แสดงว่าสินค้าที่ราคา 100 บาทตอนต้นปี จะปรับราคาเป็น 102 บาทตอนสิ้นปี แทนที่เราออมเงินแล้วจะได้กำไร 3 บาท กลับเหลือกำไรแค่ 1 บาท เพราะอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
อย่างที่บอกว่าเราควบคุมอัตราเงินเฟ้อไม่ได้ แต่เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยการหาวิธีการออมหรือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย แต่อย่างน้อยเราได้รู้จักปัญหาและวิธีแก้ไขให้ดีที่สุด เพื่อให้เงินออมเพิ่มมากขึ้นตามแผนที่วางไว้
เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ที่เกิดขึ้นและทำให้เราต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆ มากมาย เช่น การเจ็บไข้ได้ป่วยของเรา ของคนในครอบครัว อุบัติเหตุต่างๆ ไฟไหม้ น้ำท่วม รถชน หรือเกิดคดีฟ้องร้อง ฯลฯ มีหลายคนที่ต้องหมดเนื้อหมดตัวเพราะค่ารักษาพยาบาลมาแล้ว
ไม่เพียงแต่เงินออมที่หมดไป บางครั้งยังต้องกู้หนี้ยืมสินอีกต่างหาก เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่สามารถระมัดระวังได้โดยการดูแลสุขภาพ ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท แต่บางครั้งเราก็ไม่สามารถฝืนดวงชะตาได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นปัญหานี้ วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือการทำประกัน ทั้งประกันชีวิตและสุขภาพ ประกันภัยทรัพย์สินต่างๆ เพื่อจะได้ป้องกันเงินออมของเราได้ไงล่ะ
2. ปัญหาจากภายใน
คือปัญหาที่เกิดจากตัวเราเอง จริงๆ แล้วปัญหานี้สามารถควบคุมและแก้ไขได้ แต่บางครั้งก็แก้ยาก เพราะเป็นนิสัยที่ฝังลึกมานาน
ขาดวินัยในการออม
หลายคนที่ออมเงินไม่สำเร็จเพราะขาดวินัยในการออม เช่น ตามแผนที่วางไว้ต้องออมเงินทุกๆ เดือน เดือนละ 3,000 บาท แต่บังเอิญเดือนนี้มีโปรแกรมจะไปเที่ยวกับเพื่อน เลยต้องงดการออม กะว่าจะไปออมเดือนหน้าทีเดียว 6,000 บาท พอเดือนหน้าก็ไม่ได้ออมอีก เพราะตอนไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ดันเผลอจ่ายเงินเพลินจนติดลบ พูดง่ายๆ ว่าเป็นคนไม่มีวินัย บังคับตัวเองไม่ได้
ทางแก้คือต้องตระหนักไว้เสมอว่า เงินที่เก็บออมวันนี้เพื่อเอาไว้ใช้ในยามที่เราไม่สามารถทำงานได้ ถึงวันนั้นใครจะเลี้ยงเรา นอกจากตัวเราเอง การพึ่งตัวเองดีที่สุด เพราะฉะนั้นต้องบังคับตัวเองให้ได้ และลืมเงินก้อนนี้ไปเลย ไม่ต้องไปคอยนับว่าได้เท่าไหร่แล้ว เพราะจะทำให้เกิดกิเลส
ความโลภ
คือความอยาก ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้วินัยการออมเสียไป อยากได้นี่ อยากได้นั่น หรือบางคนพอลงทุนได้ผลตอบแทนมาดี ก็โลภมาก ทุ่มลงไปใหม่ โดยไม่ดูว่า เวลาเปลี่ยนไป ภาวะเปลี่ยนไป อาจเกิดความเสี่ยงขึ้นมา ทำให้เงินที่ได้มาหมดไปด้วย
หรือบางคนเห็นคนอื่นลงทุนแบบนี้แล้วได้ผลตอบแทนดีก็ไปลงทุนบ้าง โดยที่ตัวเองไม่มีความรู้ ก็ทำให้ขาดทุนได้ เงินออมก็หมดไปอีก ขอให้ท่องไว้เสมอว่า “โลภนัก มักลาภหาย” การจะลงทุนในด้านใดขอให้พิจารณาให้รอบคอบ แบ่งเงินให้ถูกต้องและเหมาะสมกับช่วงวัยของตัวเอง ว่ารับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด ข้อสำคัญคือ ต้องมีแผนการเงินให้พร้อม จะได้รู้กำลังของตัวเอง
หากรู้จักปัญหาและอุปสรรคของการออม รู้วิธีแก้ไขปัญหา รู้ว่าเครื่องมือในการออมหรือเทคนิคในการออมนั้นมีอะไรบ้าง มีแผนการเงินที่เรียบร้อยชัดเจน เพียงเท่านี้คุณก็พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าสำหรับการออมเพื่ออนาคตของคุณ