จ่ายหนี้ กยศ.กันเถอะ
โดย...ชีวรัตน์ กิจนภาธนพงศ์
โดย...ชีวรัตน์ กิจนภาธนพงศ์
วันที่ 5 ก.ค.ของทุกปี เป็นวันครบกำหนดที่ผู้กู้เงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)จะต้องชำระหนี้คืน ขณะนี้มีผู้ยืมเงินที่ครบกำหนดชำระหนี้คืนกองทุน 3 ล้านคน ที่มีหน้าที่ในการชำระเงินคืนหลังจากสำเร็จการศึกษา หรือเลิกการศึกษา เพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่รุ่นน้องรุ่นต่อไป
ใครที่จ่ายล่าช้าจะต้องเสียเบี้ยปรับในอัตรา 12-18% ต่อปี และผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
การชำระหนี้คืนกองทุนไม่ใช่เรียนจบปุ๊บ จะต้องจ่ายหนี้คืนทันที่นะ กยศ.ให้ผ่อนชำระได้ 15 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย 1% ลดต้นลดดอกด้วย
- ปลอดส่งเงินต้นเป็นเวลา 2 ปี หลังจบการศึกษา
- ปลอดดอกเบี้ย 3 ปี
- ระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้คืนนาน ถึง 15 ปี (รวมเว้น 2 ปี เป็น 17 ปี)
- อัตราดอกเบี้ยต่ำมาก เพียง 1% (ต่ำกว่าเงินเฟ้อ)
- การผ่อนชำระสามารถชำระได้น้อยที่สุดเพียงปีละ 1 ครั้ง (5 ก.ค.) หรือจะสะดวกชำระเป็นรายเดือนก็ได้
- การผ่อนชำระในแต่ละงวดเป็นการค่อยๆ เพิ่มเงินต้นแบบขั้นบันได
กยศ.ยังเปิดโอกาสให้ชำระหนี้ก่อนกำหนด โดยผู้กู้ยืมสามารถชำระหนี้คืนกองทุนทั้งหมดหรือบางส่วนในช่วงก่อนสำเร็จการศึกษา หรือช่วงระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปีได้ โดยผู้กู้ยืมไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
มือใหม่ใช้หนี้ กยศ.
สำหรับผู้กู้เงินกองทุนมาแล้ว เรียนจบการศึกษามาแล้วเป็นเวลา 2 ปี นับจากที่สำเร็จการศึกษา หรือเลิกศึกษา และปีนี้จะเป็นปีแรกที่จะต้องใช้เงินคืนกองทุน หลายคนยังไม่รู้ต้องทำอย่างไรในการจ่ายเงินชำระหนี้คืนงวดแรก
ผู้กู้ยืมเงินสามารถเลือกผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือนหรือรายปีได้ โดยจำนวนเงินต้นที่ต้องชำระเป็นรายเดือนรวมตลอดปี หรือจำนวนเงินต้นที่ชำระเป็นรายปีต้องไม่ต่ำกว่าอัตรา
การชำระหนี้ กยศ.กำหนดข้อดี การ “มี” มาก “จ่าย” มากทำให้ “ลดดอกเบี้ย” และทำให้หมดภาระหนี้เร็วขึ้น กองทุนมีเงินหมุนเวียนเพื่อที่จะปล่อยเงินกู้ส่งต่อโอกาสให้รุ่นน้องได้เรียนต่อ
จะรู้ได้ไงต้องจ่ายเท่าไร
ง่ายๆ สามารถที่จะเข้าตรวจสอบยอดหนี้ทางเว็บไซต์ กยศ. www.studentloan.or.th ณ วันที่ประสงค์ชำระเงิน ซึ่งจะมีรายละเอียดข้อมูลบัญชีผู้กู้ สามารถที่จะโหลด และพิมพ์รหัสการชำระเงิน (Barcode) ไปจ่ายเงินได้
เดี๋ยวนี้ก็มีแอพพลิเคชั่นที่จะตรวจสอบยอดการชำระหนี้ มีการคำนวณเงินต้น ดอกเบี้ย รวมถึงมี SMS หรืออีเมลเพื่อแจ้งเตือนให้ไปชำระหนี้
ตัวอย่าง...กู้เงินกองทุน กยศ.จำนวน 1 แสนบาท
จบการศึกษาแล้ว 2 ปี ยังไม่ต้องจ่าย ....
ปีที่ 1 ...จ่าย 1.5% ของเงินต้น ชำระงวดละ 1,500 บาท หรือเดือนละ 150 บาท คิดง่ายๆ งดดื่มกาแฟยี่ห้อหรูเพียงแก้วเดียว ก็ชำระหนี้กองทุนได้แล้ว
ปีที่ 2 ...จ่าย 2.5% ของเงินต้น ชำระงวดละ 2,500 บาท บวกดอกเบี้ย (1%) 985 บาท รวมเป็นเงิน 3,485 บาท หรือชำระเพียงเดือนละ 291 บาท
ปีที่ 3 ...จ่าย 3% ของเงินต้น ชำระงวดละ 3,000 บาท บวกดอกเบี้ย 960 บาท รวมชำระ 3,960 บาท หรือเดือนละ 330 บาท
ปีท้ายๆ หรือปีที่ 15 จะจ่าย 13% ของเงินต้น ชำระเงินงวด 1.3 หมื่นบาท บวกดอกเบี้ย 130 บาท หรือเดือนละ 1,300 บาท คิดง่ายๆ ก็พอๆ กับค่าบริการโทรศัพท์มือถือรายเดือนเท่านั้นเอง
การจ่ายชำระหนี้กองทุนแต่ละปีจะเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันได เนื่องจากเมื่อมีอายุการทำงานมากขึ้น รายได้และเงินเดือนมากขึ้น ก็สามารถที่จะผ่อนชำระได้มากขึ้นนั่นเอง ปีท้ายๆ ดอกเบี้ยจะลดลง เนื่องจากกองทุนคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก
สรุปแล้ว กู้เงินกองทุนจำนวนเงินต้น 1 แสนบาท ดอกเบี้ย 1% ลดต้นลดดอกเบี้ย ผ่อนชำระ 15 ปี ดอกเบี้ยรวม 9,275 บาท คิดแล้วถูกแสนถูกเมื่อเทียบดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด หรือบัตรเครดิต 20-28%
คิดแล้วการผ่อนเงินคืนให้กองทุน “ถูก” กว่าราคากาแฟแบรนด์ดัง หรือค่าบริการใช้โทรศัพท์มือถือเสียอีก แล้วทำไมเป็น “หนี้” แล้วคุณจะไม่จ่ายหนี้ล่ะ
วิธีการชำระหนี้
ปัจจุบัน กยศ.ขยายช่องทางการชำระหนี้มากขึ้นไม่ต้องไปต่อคิวจ่ายเงินที่ธนาคารกรุงไทยเพียงแห่งเดียว เดี๋ยวนี้สามารถโหลดบาร์โค้ดไปเพื่อชำระค่าบริการได้แล้ว และมีหลายช่องทางให้ชำระเงินสะดวกมากขึ้น ไม่ว่า...
1.นำบัตรประชาชนไปชำระหนี้ที่เคาน์เตอร์ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง
2.ชำระที่เครื่องเอทีเอ็ม โดยใช้เลขบัตรประชาชนไปทำรายการ
3.ชำระผ่านอินเทอร์เน็ต KTB Netbank Mobile App จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือก็ได้
4.การหักเงินอัตโนมัติ ผู้กู้ต้องผ่านเงินไว้ในบัญชีเงินฝากและทุกๆ วันที่ 5 ก.ค.จะหักบัญชีอัตโนมัติ
5.จ่ายเงินที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส
6.จ่ายเงินที่ไปรษณีย์
ฯลฯ
มีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิดว่าเป็นเงินของรัฐบาลไม่ต้องจ่ายหนี้คืนก็ได้ เป็นความคิดที่ “ผิด” กยศ.เป็นเงินที่มาจากการจ่ายภาษีประชาชน เป็นกองทุนหมุนเวียน ให้โอกาสทุกคนได้มีการศึกษา โดยการกู้ยืมเงินกองทุนไปเรียนก่อน จบแล้วทำงานชำระหนี้คืนส่งต่อโอกาสให้รุ่นน้อง
ปัจจุบันกองทุนมีลูกหนี้กู้ยืมเงิน กยศ.จำนวน 8 ล้านคน ซึ่งครบกำหนดชำระหนี้แล้ว 3.2 ล้านคน และมีลูกหนี้ถูกฟ้องดำเนินคดีแล้วกว่า 9 แสนราย มียอดหนี้รวมกว่า 9 หมื่นล้านบาท และแต่ละปี กยศ.จะต้องฟ้องดำเนินคดีเกือบ 1 แสนราย
แต่น่าตกใจว่ามีลูกหนี้ กยศ.ที่ค้างชำระหนี้ 50% ของจำนวนผู้ที่ครบกำหนดชำระหนี้ทั้งหมด ไม่ใช่ว่าตกงาน หรือไม่มีรายได้ที่จะชำระหนี้ แต่มีเจตนาที่จะไม่จ่ายคืน เพราะเอาเงินไปหมุนจ่ายหนี้บัตรเครดิต หนี้รถยนต์ ที่ดอกเบี้ยแพงๆ ก่อน
ที่สำคัญคือคิดว่า ไม่จ่าย ไม่มีใครรู้ ไม่มีผลกระทบ เลยมี ไม่กลัว ไม่หนี ถึงมีก็ไม่ให้
ใครที่ “เบี้ยว” หนี้ กยศ. ขอให้คิดใหม่ เพราะเป็น “เงินหลวง” หนีไม่พ้นที่จะต้องโดนฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งตัวลูกหนี้และผู้ค้ำประกันเอง
และในปี 2561-2562 นี้ กยศ.ก็มีแนวคิดที่จะนำข้อมูลประวัติการชำระเงินผู้กู้เงินกองทุนเข้าบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งประเทศไทย (เครดิตบูโร) หากใครที่ผิดนัดชำระหนี้อาจจะไม่สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้
นายจ้างหักเงินเดือนชำระหนี้ กยศ.
ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 กฎหมายฉบับใหม่มีผลบังคับใช้แล้ว สาระคัญคือต่อไปนี้ “นายจ้าง” มีหน้าที่จะต้อง “หักเงิน” จากรายได้ของลูกจ้างที่เป็นลูกหนี้ใน กยศ.เช่นเดียวกับการหักภาษีของกรมสรรพากรในแต่ละเดือนส่งเงินให้กยศ. โดยเบื้องต้น กยศ.จะเริ่มหักเงินเดือนลูกหนี้ กยศ.ที่เป็นข้าราชการก่อนประมาณ 2 แสนราย คิดเป็นมูลหนี้ 8 หมื่นล้านบาท
ใครที่เป็นหนี้กู้เงิน กยศ. วันที่ 5 ก.ค.นี้ไปชำระหนี้ กยศ.กันเถอะ ให้สมกับเป็นนักเรียนทุนรัฐบาล มีจิตสำนึกที่ดีส่งมอบโอกาสการศึกษาต่อให้กับรุ่นน้อง...