posttoday

"น้ำตาลบุรีรัมย์"ลุยสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งที่ 4

08 สิงหาคม 2560

น้ำตาลบุรีรัมย์รอได้สัมปทานพร้อมลุยสร้างโรงไฟฟ้าแห่งที่ 4 ต่อทันที หลังกระทรวงพลังงานเตรียมรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก

น้ำตาลบุรีรัมย์รอได้สัมปทานพร้อมลุยสร้างโรงไฟฟ้าแห่งที่ 4 ต่อทันที หลังกระทรวงพลังงานเตรียมรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก

นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ หรือ BRR  เปิดเผยว่า มีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งที่ 4 อยู่แล้ว โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุน 700-800 ล้านบาท ขณะนี้รอเพียงขอสัมปทานโรงไฟฟ้าจากกระทรวงพลังงานได้เท่านั้น ซึ่งกระทรวงพลังงานเพิ่งมีประกาศวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา เชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm

ด้านโรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 ที่สร้างไปก่อนหน้านี้ก็สร้างเสร็จจ่ายไฟได้แล้ว ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ที่จะนำโรงไฟฟ้าแห่งที่ 4 ที่กำลังสร้างและแห่งที่ 3 ที่สร้างไปแล้วเข้าไปอยู่ในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ (BRRGIF) ที่ได้นำโรงไฟฟ้าแห่งที่ 1 และ 2 เข้าไปอยู่แล้ว

สำหรับ BRRGIF เป็นกองทุนโรงไฟฟ้ากองแรกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เริ่มซื้อขายวันแรก 7 ส.ค. 2560 โดยระดมทุนได้จากการขายกองทุนนี้ 3,605 ล้านบาท เงินที่ได้ก็จะนำไปขยายโรงไฟฟ้า ซึ่งการขยายโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งจะใช้งบ 700-800 ล้านบาท นอกจากนี้ก็จะลงทุนในธุรกิจต่อเนื่องกับธุรกิจน้ำตาลทราย โดยขณะนี้พิจารณาอยู่ 2 กลุ่ม คือ การทำเอทานอลและการทำน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการขัดขาว (รีไฟน์)

ทั้งนี้การทำเอทานอล จะใช้เงินลงทุน 1,000 ล้านบาท หากจะลงทุนทำก็ต้องรอให้ผ่านขั้นตอนประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ก่อน ส่วนการทำน้ำตาลรีไฟน์ ต้องลงทุน 1,500 ล้านบาท หากจะทำก็สามารถดำเนินการได้ทันที ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสรุปได้ในเดือน ต.ค. นี้ เนื่องจากต้องการรอดูภาวะตลาดก่อน เพราะเป็นตลาดที่มีคู่แข่งอยู่มาก โดยเฉพาะในยุโรป

นายอนันต์ กล่าวว่า ปีนี้ยังยืนยันเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% ตามที่เคยประกาศไว้ โดยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายก็คือราคาน้ำตาลดิบที่ขายได้ปีนี้ ขายล่วงหน้าไปแล้วที่ 22 เซ็นต์ต่อปอนด์ เพิ่มขึ้นมาเกือบ 30% จากราคาที่ขายได้ปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาในตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 15 เซ็นต์ต่อปอนด์

“ปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจขก็คงจะเป็นเรื่องราคาน้ำตาลดิบในตลาดโลกที่เป็นราคาอนาคต เราไปควบคุมไม่ได้ แต่สิ่งที่คุมได้คือปริมาณน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นของบริษัทเอง ถ้าราคาช่วงไหนดีก็เป็นจังหวะขาย” นายอนันต์ กล่าว

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นช่วงที่เหลือของปีนี้ยังไม่หวือหวาขยับไปไหนมาก โดยหุ้นที่น่าสนใจน่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงพยาบาล รวมทั้งการฟื้นตัวของธุรกิจพลังงาน

ในส่วนของ BRRGIF มองว่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการได้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและกองทุนนี้ก็ได้รับสิทธิ์ยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ถึง 10 ปี โดยกองทุนระบุว่าให้ผลตอบแทนปีแรก 6.5% หากนับรวมที่ไม่ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย ก็เท่ากับได้ผลตอบแทน 7.2-7.5%  

นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง กล่าวว่า BRRGIF ลงทุนในสิทธิรายได้สุทธิที่จะเกิดจากการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าชีวมวลในกลุ่มบุรีรัมย์ซึ่งมีความมั่นคงของรายได้จากสัญญาขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

ทั้งนี้ โรงแรกมีสัญญาขายไฟฟ้าถึง 10 ส.ค.2571 โรงที่ 2 มีสัญญาขายไฟฟ้าถึง 6 เม.ย.2578 อีกทั้งมีความมั่นคงเรื่องวัตถุดิบที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างกากอ้อย เพราะเป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาล และไม่มีต้นทุนค่าขนส่งเพราะซื้อจากโรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับโรงไฟฟ้า โดยที่โรงไฟฟ้าทำสัญญาซื้อวัตถุดิบระยะยาวกับโรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ดังนั้นก็จะป้องกันความเสี่ยงในความผันผวนของราคาและปริมาณที่ได้รับด้วย

รายงานข่าวจาก ตลท. กล่าวว่า BRRGIF ตั้งราคาขายให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ไว้ที่ 10.30 บาท หลังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ราคาเปิดตลาดวันแรกอยู่ที่ 10.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 2.91% จากราคาไอพีโอ ปิดตลาด 10.50 บาท สูงกว่าราคาจอง 0.20 บาท หรือ 1.94%