เข็มทิศออมเงิน เพื่อเจนวาย

โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์ / พรสวรรค์ นันทะ

การออมมากกว่าก่อหนี้เป็นเรื่องท้าทายสำหรับยุคนี้ที่มีสิ่งล่อตาล่อใจชวนให้เสียเงินในกระเป๋าหนักๆ

โดยเฉพาะการซื้อของทางออนไลน์ได้สะดวกรูดปื๊ด หรือสินค้าเทคโนโลยีที่ออกใหม่แทบทุกวัน

ลองหาวิธีกันดูว่า จะมีทางไหนบ้างที่ทำให้เจนวายออมเงิน

เริ่มกันที่โต้โผใหญ่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดย ชนาธิป จริยาวิโรจน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายส่งเสริมความรู้ทางการเงิน ธปท. ระบุว่า ธปท.พยายามส่งเสริมความรู้ด้านการเงินต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับคนเจนวายที่ใช้จ่ายสูงตามไลฟ์สไตล์ ทำให้มีโอกาสก่อหนี้เร็วหรือผิดนัดชำระหนี้ได้

สิ่งที่ทำ คือ ปรับรูปแบบการให้ความรู้ทางการเงิน ส่งเสริมการออมในแบบใหม่ที่เจนวายอ่านง่ายขึ้น เช่น ย่อยหัวข้อการเงินให้ดูง่าย น่าสนใจขึ้น ใช้สื่อการ์ตูน หรือการนำเสนอข้อมูลด้วยกราฟฟิก (อินโฟกราฟิกส์) มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังจั่วหัวข้อให้ดึงดูด ทำให้อยากอ่าน อยากรู้ กดไลค์ กดแชร์ โดย ธปท.เก็บข้อมูลรูปแบบที่มีคนกดไลค์ กดแชร์มาก มาปรับการนำเสนอให้ตรงความสนใจมากขึ้น พร้อมกับทำข้อมูลกราฟฟิกเตือนภัยทางการเงิน การหลอกลวงผ่านช่องทางต่างๆ หวังป้องกันการถูกหลอกให้เสียเงินไปด้วยควบคู่กัน

“เท่าที่ดูเจนวายชอบอ่านและหาความรู้ไม่น้อย แต่ไม่ชอบอะไรที่อ่านยาก เราเลยปรับการนำเสนอความรู้การเงินให้ง่ายขึ้น เช่น เรื่องซื้อรถยนต์ ก็ทำข้อมูลย่อยให้เห็นชัดว่า ซื้อรถ 5 แสนบาท ต้องผ่อนอย่างไร เท่าไร มีค่าใช้จ่ายอื่นอะไรบ้าง ให้คนคิดซื้อรถคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ” ชนาธิป กล่าว

 

ขณะที่ ล่าสุด ธปท.โดยศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ได้จัดทำข้อมูลทางการเงินที่เป็นสติ๊กเกอร์ให้ความรู้ทางการเงินแต่ละวัน เป็นข้อความการเงินสั้นๆ อ่านง่าย มีสีสันตามวัน

เช่น สวัสดีวันจันทร์สีเหลืองเป็นดอกทานตะวัน พร้อมข้อความ ชีวิตจะสดใส...หากใส่ใจจัดการการเงิน หรือสวัสดีวันอังคารสีชมพู ไม่อยากจ่ายดอกเบี้ยนาน ต้องขยันทำงานปลอดหนี้

ธปท.ส่งผ่านช่องทางสังคมออนไลน์ เพราะคาดว่าคนเจนวายอาจอยากส่งให้ผู้สูงอายุ ซึ่งจะช่วยกระจายเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางการเงินได้ง่ายและกว้างขึ้น

ด้าน ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี กล่าวว่า เวลานี้ทุกหน่วยงานต่างร่วมมือกันทำให้คนเจนวายหันมาออม เพราะห่วงว่ากลุ่มนี้เมื่อเกษียณไปแล้วอาจจะไม่มีเงินเพียงพอดำรงชีพ

สำหรับ บลจ.กรุงศรี จะเน้นแนะนำวิธีการออมที่เริ่มต้นทีละนิด ค่อยเป็นค่อยไป เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มทำงานมีเงินเดือน สามารถใช้วิธีลงทุนทีละเล็กน้อย หรือที่เรียกว่า ดีซีเอ (ดอลลาร์ คอสต์ เอเวอเรจ)

เช่น ซื้อกองทุนขั้นต่ำเดือนละ 1,000 บาททุกเดือน เป็นทางหนึ่งที่ช่วยสร้างวินัยการออมให้ตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปนั่งจับจังหวะการลงทุนเองให้เหนื่อย เหมาะมากกับเจนวายที่ยังมีเงินไม่มาก

ฟังข้อเสนอของหน่วยงานต่างๆ แล้ว มาฟังความคิดเห็นในฐานะของคนเจนวายกันบ้างว่า เขาเหล่านี้คิดเห็นอย่างไร

พงษ์ธร ถาวรธนากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ระบุว่า เห็นด้วยกับข้อมูลวิจัยต่างๆ ที่ระบุว่า เจนวายก่อหนี้มากกว่าออมเงิน นั่นเป็นเพราะปัจจุบันสิ่งล่อตาล่อใจมีมาก

การโตมากับรสนิยมการอวด แข่งขันวัดระดับฐานะทางสังคมกัน รวมถึงขั้นตอนการตัดสินใจจนถึงการจ่ายเงินซื้อทำได้ง่ายจากที่บ้าน ทำให้คนรุ่นใหม่ควบคุมวินัยและพฤติกรรมการจับจ่ายยากกว่าคนรุ่นก่อน

อย่างไรก็ตาม ก็เป็นเฉพาะบางกลุ่ม ไม่ใช่ทั้งหมด ทั้งรุ่น เพราะรูปแบบการใช้ชีวิตนี้ไม่ได้ให้ผลด้านลบอย่างเดียว แต่เป็นช่องทางให้คนรุ่นใหม่สร้างสรรค์ประโยชน์ได้ด้วย

เช่น ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น หาความรู้ ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง ไปจนถึงลงเรียนอบรมแบบออนไลน์

พงษ์ธร คิดว่า จากแนวโน้มสังคมที่เปลี่ยนแปลงแบบนี้ จะแยกประเภทของคนให้เห็นและชัดเจนขึ้น ใครใช้เป็นประโยชน์จะยิ่งสร้างความได้เปรียบมากขึ้นเท่าตัว ใครใช้เป็นโทษ (จับจ่ายเกินตัว) จะยิ่งส่งผลแบบทวีคูณ

สำหรับคำแนะนำเพื่อให้คนรุ่นใหม่ด้วยกันออมนั้น พงษ์ธร มองว่า คงไม่ใช่การออมเงินแบบเก็บเงินเข้าบัญชีเพื่อดูยอดเงินที่เก็บได้เท่านั้น แต่เป็นการแนะนำให้เก็บเงินไว้เลือกลงทุนให้ถูกที่มากกว่า

โดยเฉพาะเด็กรุ่นที่เพิ่งจบใหม่ หรือเพิ่งทำงานไม่เกิน 5 ปี อยากแนะนำว่า การออมเงินเป็นเรื่องที่ดีที่ควรทำ โดยที่ถึงจุดหนึ่งแล้วแนะนำให้แบ่งเงินบางส่วนมาเน้น “ลงทุนในตัวเอง” โดยพัฒนาศักยภาพตัวเองหลังเรียนจบ มีเป้าหมาย คือ หาตัวเองให้เจอโดยเร็ว ว่ารักและชอบทำอะไรให้ได้

“ก่อนออกเรือ เร่งเครื่อง เราต้องเน้นตั้งหางเสือ ปรับเข็มทิศให้ถูกต้องที่สุดก่อน เท่ากับเราเปลี่ยนเงินออมเป็นเครื่องยนต์ผลักดัน เปิดโอกาสให้เราแสดงประสิทธิภาพเต็มที่ที่สุด และเป็นการลงทุนที่อยู่ติดตัวเราไปตลอด” พงษ์ธร ให้ข้อคิดทิ้งท้าย

ศิวจักร อุสมาน ผู้อำนวยการ บริษัท ซีเอส คอนเนค ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการระบบไอทีโรงแรม อายุ 28 ปี อีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเริ่มเห็นความสำคัญของการออมเงินตั้งแต่อายุ 23 ปี

อาจเป็นเพราะเรียนจบด้านการเงินมา และเพื่อนทุกคนรอบตัวก็มีนิสัยคล้ายๆ กัน คือ ให้ความสำคัญกับการออม

ทั้งนี้ การออมแบบฉบับของศิวจักร คงไม่ใช่การฝากเงินไว้เฉยๆ แต่จะแบ่งเงินส่วนหนึ่งจากเงินเดือนไปซื้อกองทุน หรือไปลงทุนในหุ้น

ทำเช่นนี้ 5 ปีแล้ว มีเป้าหมายสำคัญเพื่อสะท้อนความสำเร็จส่วนตัวในการทำให้เงินงอกเงย ไม่ใช่การเก็บเงินเพื่อไปเที่ยว

ทั้งนี้ เห็นด้วยที่งานวิจัยต่างๆ ระบุว่า คนเจนวายเป็นหนี้มากกว่าออม ปัจจัยสำคัญ เพราะเจนวายส่วนใหญ่ต้องการมีบ้าน มีรถ มีโทรศัพท์มือถือ ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ต้องก่อหนี้ทั้งนั้นด้วยการผ่อนยาวนาน 10-20 ปี

ถ้าคิดจะทำให้เจนวายออม รู้จักใช้เงิน จริงๆ แล้ว ศิวจักร เชื่อว่า มีหนังสือคำแนะนำด้านการเงิน การลงทุนมากมายให้เลือกหาตามร้านหนังสือ หากเจนวายอยากจะรู้เรื่องเหล่านี้ก็หาหนังสือเหล่านี้มาอ่านได้ไม่ยาก

ศิวจักร มองว่า ต่อให้หน่วยงานต่างๆ ให้ความรู้การออมอย่างไรผ่านสังคมออนไลน์ หรือเดินสายให้ความรู้ตามสถานที่ต่างๆ แต่ที่สุดแล้ว อยู่ที่ตัวบุคคล เพราะแต่ละคนมีความสนใจและใส่ใจต่างกัน หากเป็นคนสนใจการออม ก็คงหาความรู้เพิ่มเติมเองอยู่แล้ว

จะเห็นได้ว่า เวลานี้หน่วยงานต่างๆ พร้อมนำเสนอเกร็ดความรู้ดีๆ เป็นเข็มทิศนำทางให้เจนวายใช้วางแผนการเงิน นำพาตัวเองไปถึงวัยเกษียณแบบมีสุข ไม่ต้องมาทุกข์กับการไม่มีเงินใช้ยามแก่

ขณะที่เจนวายส่วนหนึ่งก็ตื่นตัวพร้อมเก็บออมในแบบของตัวเองอยู่แล้ว ส่วนบางคนรู้ว่าการออมสำคัญแต่ก็ยังละเลย หรือผัดวันประกันพรุ่งไม่เริ่มเสียที และก็มีอีกส่วนที่ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้เลย

สุดท้ายแล้ว การสื่อสารให้เข้าถึงเจนวายเป็นเพียงช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้กลเม็ดการออมดีๆ ป้อนถึงตัวเจนวายได้เร็วขึ้น แต่ความสำเร็จจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ อยู่ที่ตัวเจนวายเอง

หากเจนวายทั้งหลายได้อ่านบทความนี้แล้ว ลองย้อนดูว่า ใส่ใจการออมจริงใจแค่ไหนถามใจตัวเองดูให้ดีๆ

ถ้ายังไม่ดีพอ เริ่มจริงจังวันนี้ก็ยังไม่สาย เพราะเริ่มทำแล้วก็ดีกว่าคนที่ไม่ลงมือทำอะไรเลย

สู้เขา เหล่าเจนวาย อย่าให้ใครว่าเราได้ว่าเราดีแต่ใช้ไม่รู้จักเก็บ!!!