บ้านแสนอบอุ่นของ ครอบครัวชมะนันทน์

เรื่อง พุสดี สิริวัชระเมตตาภาพ กิจจา อภิรจนเรข

เบื้องหลังรั้วเหล็กอันเป็นที่ตั้งของครอบครัวชมะนันทน์ มองจากภายนอกเป็นเพียงอาคารสีขาวทรงสี่เหลี่ยมเรียบๆ ล้อมรอบด้วยพื้นที่ที่ออกแบบเป็นสนามหญ้าไม่ได้มีความโดดเด่นอะไร แต่พลันเมื่อเปิดประตูเข้าไปภายใน กลับพบบรรยากาศที่แตกต่างจากภายนอกโดยสิ้นเชิง เพราะเพียงก้าวพ้นบานประตูเข้ามาสู่ตัวบ้าน เบื้องหน้าก็โดดเด่นด้วยสวนน้ำพุขนาดใหญ่ มีโต๊ะรับแขกเล็กๆ ไว้เป็นที่นัดพบ เงยหน้าขึ้นไปด้านบนก็ต้องสะดุดตากับหลังคาโดมกระจกสเตนกลาสสีสันสวยงามขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเข้ามาที่นั่งรอที่ล็อบบี้โรงแรมหรูที่ไหนสักแห่ง

"บ้านหลังนี้สร้างมาได้ 20 ปีแล้ว บนที่ดินที่ตกทอดมาจากท่านเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ซึ่งท่านซื้อตั้งแต่สมัยไปออกรบที่สงครามเกาหลี โดยใช้เบี้ยสงครามผ่อนที่ดินผืนนี้ สมัยนั้นได้ ไรเฟนเบิร์ก แอนด์ ฤกษ์ฤทธิ์ บริษัทออกแบบชื่อดังมาเป็นสถาปนิก ด้วยโจทย์การดีไซน์ต้องไม่ล้าสมัย เข้ามาแล้วมีระเบียงทางเดินรอบบ้าน มีพื้นที่เอเทรียม จึงทำให้ภายในบ้านออกแบบมาในสไตล์คอนเท็มโพรารี ใช้ผนังหินอ่อนแทนวอลเปเปอร์เพื่อความคงทนถาวร" กรองกาญจน์ ชมะนันทน์ ศรีภรรยาคนสวยของ พ.อ.พิเศษ พงศ์พิพัฒน์ ชมะนันทน์ เล่าถึงเรื่องราวเบื้องหลังบ้านหลังงาม

นับตั้งแต่เริ่มถมที่ดินจนกระทั่งออกแบบและสร้างบ้านในฝันหลังนี้ออกมาจนเสร็จสมบูรณ์ ใช้เวลาทั้งหมด 5 ปีด้วยกัน ทุกรายละเอียดในบ้าน กรองกาญจน์ บอกว่า เธอโชคดีที่ได้รับโอกาสให้เข้ามามีส่วนดูแล ตั้งแต่คอนเซ็ปต์และการเลือกวัสดุตกแต่ง ผลงานที่เธอภาคภูมิใจ คือ ฝีมืออันละเมียดละไมของช่างฝีมือสมัยก่อน ในการต่อลายหินอ่อนอย่างประณีตในแต่ละห้อง ซึ่งสมัยนี้แทบจะหาผลงานแบบนี้ไม่ได้แล้ว

"ตอนที่ทำบ้านหลังนี้ เพราะโจทย์ของเรา คือ อยู่ได้นานชั่วลูกชั่วหลาน เลยยอมลงทุนตั้งแต่การคัดเลือกช่าง และทีมออกแบบฝีมือดีจริงๆ ใช้หินอ่อนเป็นวอลเปเปอร์ เพราะมองว่าลงทุนครั้งเดียวอยู่ได้นาน นานๆ ครั้งถึงจะทำความสะอาดครั้งใหญ่ เช่นเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ เราซื้อผ่าน ชนินทร์ ไฟน์ บางชิ้นราคาอาจจะสูง แต่บางรุ่นที่เราซื้อมาตอนนี้ก็เป็นลิมิเต็ด เอดิชั่น ส่วนของน้ำพุที่กลายเป็นไฮไลต์ของบ้าน บังเอิญเราได้ทีมอินทีเรียร์เดียวกับที่ออกแบบโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ (ราชดำริ) น้ำพุเลยคล้ายกับโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ส่วนโดมกระจกสเตนกลาสด้านบน เป็นผลงานของช่างอิตาลี ทำมาเป็นแผ่นแล้วส่งกลับมาให้ช่างไทยประกอบ"

หลังจากเล่าถึงที่มาของคอนเซ็ปต์ในบ้านพอสังเขปแล้ว คุณแม่ยังสวยก็ถือโอกาสพาเดินชมห้องต่างๆ เริ่มจากปีกซ้ายที่ประกอบด้วยห้องสำหรับต้อนรับ ซึ่งห้องนี้ประดับด้วยของที่ระลึกที่ประเมินค่าไม่ได้ และรูปถ่ายที่มีความสำคัญของครอบครัว ถัดมาเป็นห้องรับแขกที่ดูโอ่โถ่ง ใช้สำหรับรับแขกผู้ใหญ่ ส่วนปีกขวาฝั่งตรงข้ามก็ถูกออกแบบเป็นห้องรับแขกอีกเช่นกัน แต่ลดความเป็นทางการลง เพราะใช้ปาร์ตี้ พบปะเพื่อนฝูง มีประตูที่สามารถเปิดทะลุออกไปยังสระว่ายน้ำได้ ถัดมาเป็นห้องเพลย์รูม และห้องสปา สำหรับเป็นห้องเสริมสวยและนวดตัวของสาวๆ ของบ้านชมะนันทน์

"อยู่ที่นี่มา 20 ปี ต้องยอมรับว่า สถาปนิกเก่งมากจริงๆ เขาคิดทุกอย่างไว้ให้หมด มีที่เสียดายคือ ตอนแรกเขาแนะนำว่า ห้องพี่ให้ทำห้องน้ำแบบใช้งานพร้อมกันได้ 2 คน คือ มีอ่างล้างหน้า 2 อ่าง ในส่วนห้องน้ำให้แยกทั้งชาย-หญิง เพราะเขามองว่า อีกหน่อยเวลาพี่และสามีต้องออกงานหรือไปธุระพร้อมๆ กันจะได้สะดวก แต่ตอนนั้นพี่ยังไม่เห็นความสำคัญ เขาบอกแค่ว่า วันหนึ่งจะต้องคิดถึงเขา ซึ่งวันนี้เราก็คิดถึงเขาจริงๆ" กรองกาญจน์ ย้อนวันวานอย่างอารมณ์ดี

อย่างไรก็ตาม แม้จะผ่านมา 20 ปีแล้ว แต่บ้านหลังนี้คือบ้านแห่งความภาคภูมิใจ ทุกวันอบอวลไปด้วยความรัก ยิ่งตอนนี้ลูกๆ ทั้งสามคนเรียนจบกลับมาอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมกัน สำหรับคนเป็นแม่คงไม่มีสิ่งที่ไหนที่จะทำให้มีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว