posttoday

เราไม่ลงนรกแล้วใครจะลงนรก

01 ตุลาคม 2560

หลายคนที่ดูหนังจีนบ่อยๆ หรืออ่านนิยายจีนหลายๆ เล่มคงจะเคยผ่านตาคำกล่าวที่ว่า "เราไม่ลงนรกแล้วใครจะลงนรก"

โดย กรกิจ ดิษฐาน

หลายคนที่ดูหนังจีนบ่อยๆ หรืออ่านนิยายจีนหลายๆ เล่มคงจะเคยผ่านตาคำกล่าวที่ว่า "เราไม่ลงนรกแล้วใครจะลงนรก" (,) คำกล่าวนี้ ดัดแปลงมาจากโพธิสัตว์พจน์ในอรรถกถากษิติครรภโพธิสัตว์มูลปณิธานสูตร () ความเต็มว่า "นรกไม่ว่างเปล่า ตั้งสัตย์ว่าจะไม่บรรลุพุทธะ เมื่อสรรพสัตว์รอดพ้น จึงจะบรรลุโพธิญาณ" (,,,

"เราไม่ลงนรกแล้วใครจะลงนรก" ยังเป็นคำขวัญของคณะสงฆ์กลุ่มหนึ่งในจีนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านปลุกระดมให้ชาวพุทธใช้กำลัง ต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น แทนที่จะถือหลักอหิงสาเขาทำร้ายเรามา เราไม่ทำร้ายตอบ โดยถือหลักว่า "โจร 70 ล้านคน (ญี่ปุ่น) คิดโจมตีคนบริสุทธิ์ 450 ล้านคน (ชาวจีน) โพธิสัตว์ที่แท้จริงย่อมต้องสังหารโจรเพื่อช่วยเหลือมหาชน ทั้งยังช่วยโจรให้พ้นกรรมหนักอีกด้วย"

เหตุผลเบื้องหลังของแนวคิดนี้ ก็คือ แม้ต้องยอมศีลขาดถึงขนาดอาบัติปาราชิก หรือกระทั่งลงนรกก็ต้องยินยอมเสียสละ เพื่อปกป้องผู้ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ และช่วยเหลือพวกโจรไม่ให้ทำบาปกรรมไม่หยุดหย่อนด้วยการฆ่าตัดตอนพวกนั้นเสีย ดังโพธิสัตว์เห็นบุตรคนอื่นกำลังจะทำอนันตริยกรรม สังหารพ่อแม่ตน จึงตัดสินใจสังหารบุตรผู้นั้นเสีย เพื่อไม่ให้เขาทำบาปอันเลวร้ายจนไม่ได้ผุดได้เกิด โพธิสัตว์ยอมตกนรกหมกไหม้เองเพื่อคนอื่นจะได้รอด

ผมขอถามชาวพุทธที่มักเรียกร้องให้ฆ่า จะยอมตกนรกหมกไหม้เพื่อผู้อื่นได้หรือไม่?

หลักมหายานเป็นหลักสำหรับโพธิสัตว์ หมายถึงผู้ที่ยอมทนทุกข์เพื่อคนหมู่มาก ไม่เหมาะสำหรับปุถุชนทั่วไป และไม่เหมาะจะเป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมในการฆ่าหรือใช้ความรุนแรง เพราะตามกฎแห่งกรรม การฆ่ายอมได้ผลเดียวกันคือการฆ่า หากไม่จำเป็นมหายานิกจะไม่ปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรงตอบโต้ เพราะคนผู้นั้นจะต้องรับผลกรรมด้วย เป็นการทำลายคำสอนเรื่องอหิงสาด้วย ใครที่ทำเช่นนั้นต้องถามตัวเอง หากพร้อมที่จะฆ่า แล้วพร้อมที่จะรับกรรมเพื่อคนหมู่มากหรือไม่ หากใจฝ่อก็ควรหาวิธีอื่นไป

ในปกรณ์มหายานที่กล่าวถึงเรื่องนี้ เช่น คัมภีร์โยคาจารภูมิศาสตร์ ว่าด้วยโพธิสัตว์ศีล ไม่ได้ ส่งเสริมความรุนแรง ตรงกันข้ามส่งเสริมบารมีทั้ง 6 คือ ทาน ศีล ขันติ วิริยะ ฌาน และปัญญา อันคำว่า ทานนั้น รวมถึงการให้ชีวิต ศีล ย่อมหมายถึงการไม่ฆ่า และขันติ หมายถึงความอดกลั้น แม้จะถูกบีบคั้น ผู้คิดจะเสียสละเพื่อคนหมู่มากตามคติมหายาน ต้องมีบารมีทั้ง 3 ข้อนี้ก่อน

แต่เมื่อมหาชนถูกคุกคามจนหมดทางรอดแล้ว โพธิสัตว์จึงต้องไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนด้วยปัญญาบารมีจึงจะใช้หลัก "ฆ่าหนึ่ง ช่วยสรรพชีวิต" () ยอมสูญเสียบารมีที่ทำมาเพื่อรักษาสันติ การฆ่านั้นต้องกอปรด้วยความกรุณาต่อ ผู้อื่นแม้แต่คนที่จะถูกฆ่า และไม่ฆ่าเปล่าเปลืองหากฆ่าเพียง 1 เพื่อช่วยคนนับล้านได้ ความเศร้าหมองย่อมน้อย และต้องพิจารณาว่าหมดทางจะรักษาขันติธรรมแล้ว

คาร์ล พอพเปอร์ (Karl Popper) นักปรัชญาชาวออสเตรีย-อังกฤษ กล่าวว่า สังคมที่มีขันติธรรมสมบูรณ์แบบย่อมเผชิญกับความย้อนแย้งของขันติธรรม (Paradox of tolerance) กล่าวคือ สังคมแบบนี้จะมีความอดทนแม้แต่คนที่ไร้ความอดทนต่อพวกเขา คนพวกนี้พร้อมที่จะเบียดเบียนโดยอาศัยช่องโหว่ของความมีขันติธรรมแบบไร้ขอบเขต เมื่อเป็นเช่นนี้โอกาสที่สังคมขันติธรรมจะถูกพวกไร้ขันติธรรมทำลายให้สิ้นจึงมีสูงมาก ดังนั้น จึงควรปกป้องสังคมที่อดทนต่อผู้อื่นไว้ด้วยการกำจัดพวกไร้ขันติธรรมสุดโต่งออกไป

อย่างไรก็ตาม พอพเปอร์ บอกว่า "ผมไม่ได้หมายความว่า...เราควรปราบพวกไร้ขันติธรรมเสมอไป ตราบใดก็ตามที่เราสามารถตอบโต้ด้วยการโต้เถียงที่มีเหตุมีผลและควบคุมพวกนั้นได้ด้วยมติมหาชน การปราบปรามย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ชาญฉลาด แต่เราควรอ้างสิทธิในการปราบปรามในกรณีที่จำเป็น แม้จะด้วยกำลังก็ตาม หากคนเหล่านั้นไม่พร้อมที่จะโต้เถียงกันด้วยเหตุด้วยผล"

ทัศนะของพอพเปอร์ถูกหยิบฉวยไปใช้ทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา แม้แต่ชาวพุทธเองก็คงคิดว่ามันเป็นข้ออ้างได้ทั้งฝ่ายนิยมความรุนแรงและฝ่ายอหิงสานิยม แต่เจตนารมณ์ของนักปรัชญาผู้นี้ ก็คือ การสร้างสังคมเสรีประชาธิปไตย ที่ไร้ความรุนแรงต่างหาก

ศาสนาพุทธถือหลักอหิงสา โดยเฉพาะพุทธฝ่ายเถรวาท ที่ควรยึดตามหลักของพระปุณณะ ในปุณณสูตร คือ ถือขันติและทมะ แม้จะต้องถูกเขาฆ่าจนตาย หากคิดจะใช้ความรุนแรงกับคนอื่นในนามของพระพุทธศาสนา ควรถาม ตัวเองก่อนว่ามีบารมีของโพธิสัตว์ครบถ้วนหรือไม่? ถือมหายานหรือไม่? กอปรด้วยความกรุณาในการแก้ปัญหาหรือไม่?

หาไม่แล้วจะเป็นได้แค่คนพาลที่ชื่นชมความรุนแรงในการแก้ปัญหา

Thailand Web Stat