ฝนดาวตกในฤดูหนาว
ฤดูหนาวเป็นฤดูที่ท้องฟ้าประเทศไทยส่วนใหญ่ปลอดโปร่ง ปริมาณเมฆน้อยกว่าในฤดูฝนที่เพิ่งผ่านพ้นไป
โดย วรเชษฐ์ บุญปลอด
ฤดูหนาวเป็นฤดูที่ท้องฟ้าประเทศไทยส่วนใหญ่ปลอดโปร่ง ปริมาณเมฆน้อยกว่าในฤดูฝนที่เพิ่งผ่านพ้นไป (ยกเว้นภาคใต้ซึ่งเจอฝนได้เกือบตลอดทั้งปี) จึงเป็นช่วงเวลาที่สังเกตฝนดาวตกได้ดีเกือบตลอดทั้งคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตรงกับช่วงที่ไม่มีแสงจันทร์รบกวน
ฝนดาวตกเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่สังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า เมื่อมีดาวตกหลายดวงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า โดยแม้ว่าดาวตกจะปรากฏทิศทางใดก็ตาม แต่หากลากเส้นสมมติย้อนไปตามแนวการเคลื่อนที่ของดาวตกแต่ละดวง จะดูเหมือนดาวตกทุกดวงต่างก็พุ่งมาจากจุดเดียวกันบนท้องฟ้า เรียกจุดนั้นว่า จุดกระจาย
ฝนดาวตกเกิดจากสะเก็ดดาวที่ดาวหางทิ้งไว้ในอวกาศ แต่ละปีมีฝนดาวตกหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีช่วงเวลาที่เห็น รวมทั้งสมบัติต่างๆ เช่น ความสว่างโดยเฉลี่ย ความเร็วของการเคลื่อนที่ ตำแหน่งของจุดกระจายที่ต่างกัน นักดาราศาสตร์มักเรียกชื่อดาวตกตามชื่อกลุ่มดาวของตำแหน่งจุดกระจาย
เมื่อเกือบสองทศวรรษที่แล้ว ดาวหาง 55 พี/เทมเพล-ทัตเทิล (55P/Tempel-Tuttle) ได้เข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดเมื่อปี 2541 ชื่อดาวหางดวงนี้อาจไม่ค่อยเป็นที่คุ้นเคยสำหรับคนทั่วไป แต่เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อฝนดาวตกสิงโต หรือฝนดาวตกลีโอนิดส์ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับดาวหางดวงนี้
ฝนดาวตกสิงโตมีจุดกระจายอยู่ในกลุ่มดาวสิงโต ซึ่งเป็นกลุ่มดาวหนึ่งในกลุ่มดาวจักรราศี ทางดาราศาสตร์สากล ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านพื้นที่ของกลุ่มดาวนี้ในช่วงประมาณกลางเดือน ส.ค.ถึงกลางเดือน ก.ย. ฝนดาวตกสิงโตเกิดขึ้นในช่วง วันที่ 6-30 พ.ย.ของทุกปี มักมีดาวตกในอัตราสูงสุดราววันที่ 16-18 พ.ย. สังเกตได้ตั้งแต่เที่ยงคืน ครึ่งไปจนถึงเช้ามืด
ฝนดาวตกสิงโตมักมีมากเป็นพิเศษโดยเฉลี่ย ทุกๆ 33-34 ปี ตามคาบการโคจรของดาวหาง เทมเพล-ทัตเทิลอันเป็นดาวหางต้นกำเนิด ช่วงนั้น อัตราการตกของฝนดาวตกสิงโตสามารถพุ่งสูงหลายร้อยหรือหลายพันดวงต่อชั่วโมง ครั้งล่าสุดเกิดในช่วงปี 2541-2545 หลังจากนั้น ฝนดาวตกสิงโตก็มีอัตราลดลงเหลือเพียงระดับไม่เกิน 100 ดวง/ชั่วโมง และลดลงสู่ระดับปกติที่ราว 10-15 ดวง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงปีนี้
ปี 2560 คาดว่าฝนดาวตกสิงโตจะมีอัตราสูงสุดในคืนวันศุกร์ที่ 17 พ.ย. 2560 ที่ราว 10-15 ดวง/ชั่วโมง นอกจากนี้ มีการพยากรณ์ว่าคืนก่อนหน้านั้น คือวันพฤหัสบดีที่ 16 พ.ย. โลกอาจโคจรผ่านบริเวณที่ดาวหางเทมเพล-ทัตเทิล ทิ้งสะเก็ดดาวไว้เมื่อ ค.ศ. 1300 และอาจก่อให้เกิดดาวตกที่มีความสว่างมากเป็นพิเศษ แต่อัตราอาจต่ำมากเพียง 10 ดวง/ชั่วโมง โดยเฉพาะในช่วงใกล้เวลาเที่ยงคืน การพยากรณ์นี้เป็นคำนวณจากวงโคจรของดาวหางและสร้างแบบจำลองการเคลื่อนที่ของสะเก็ดดาว จึงไม่สามารถยืนยันแน่นอนได้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
ฝนดาวตกคนคู่เป็นฝนดาวตกที่น่าสนใจ อีกกลุ่มหนึ่งของปีนี้ และน่าสนใจมากกว่าฝนดาวตกสิงโต แน่นอนว่าฝนดาวตกกลุ่มนี้มีจุดกระจายอยู่ในกลุ่มดาวคนคู่ ทางดาราศาสตร์สากล ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านพื้นที่ของกลุ่มดาวนี้ในช่วงประมาณปลายเดือน มิ.ย.ถึงปลายเดือน ก.ค. ฝนดาวตกคนคู่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 4-17 ธ.ค. ของทุกปี มักมีดาวตกในอัตราสูงสุดราววันที่ 13-15 ธ.ค. สังเกตได้ตั้งแต่ 2 ทุ่ม ไปจนถึงเช้ามืด มักมีอัตราตกสูงสุดในช่วงประมาณตี 2 ถึงตี 3 ซึ่งเป็นเวลาที่กลุ่มดาวคนคู่อยู่สูงเหนือศีรษะ
นักดาราศาสตร์บันทึกตำแหน่งดาวตกเพื่อคำนวณวงโคจรของสะเก็ดดาวจากฝนดาวตกคนคู่และพบว่ามีวงโคจรใกล้เคียงกับดาวเคราะห์น้อยเฟทอน โดยเชื่อว่าเฟทอนเคยเป็นดาวหางมาก่อน แต่ด้วยคาบที่สั้นเพียง 1 ปีครึ่ง เฟทอนโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์หลายครั้งจนน้ำแข็งที่เคยมีอยู่ได้หายไปเกือบหมด จึงไม่ปรากฏหางให้เห็นเป็นดาวหางอีก นอกจากนี้ ด้วยตำแหน่งที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดาวพุธ พื้นดินของเฟทอนที่โดนความร้อนสูงก็ปริแตกแล้วหลุดออกมาเป็นฝุ่น กลายเป็นสะเก็ดดาวที่ทำให้เกิดฝนดาวตกคนคู่อีกด้วย
สำหรับปีนี้ ฝนดาวตกคนคู่ที่สังเกตจากประเทศไทยคาดว่าจะมีอัตราสูงสุดในคืนวันพุธที่ 13 ธ.ค. ถึงเช้ามืดวันพฤหัสบดีที่ 14 ธ.ค. 2560 ด้วยอัตราสูงสุดราว 75 ดวง/ชั่วโมง เมื่อใกล้เช้า จันทร์เสี้ยวจะขึ้นมาอยู่เหนือขอบฟ้าทิศตะวันออก จึงอาจรบกวนการสังเกตดาวตกได้เล็กน้อย
การสังเกตดาวตกสามารถดูด้วยตาเปล่าได้ ไม่ต้องใช้กล้องดูดาวหรืออุปกรณ์อื่นใดเป็นพิเศษ ดาวตกเกิดขึ้นได้ทั่วท้องฟ้า ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องมองไปที่จุดใด แต่ควรมองห่างจากจุดกระจายออกมาพอสมควร เนื่องจากดาวตกจะลากเป็นทางยาวมากกว่าดาวตกที่อยู่ใกล้จุดกระจาย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องสังเกตจากสถานที่ซึ่งท้องฟ้ามืด ไม่มีแสงไฟรบกวน หรือมีก็ให้น้อยที่สุด ยิ่งอยู่ห่างจากเมืองใหญ่ เห็นดาวทั่วไปบนท้องฟ้าได้มาก ก็ยิ่งมีโอกาสเห็นดาวตกได้มาก และสวมเสื้อกันหนาวให้ร่างกายอบอุ่น